สำหรับ Google แล้วผู้ใช้งานเป็นเพียงตัวประกันและลูกบอล?

จากที่เคยเขียนอะไรบ่นๆ ไปเมื่อหลายเดือนก่อนในหัวข้อ Google ถอด EAS (Exchange ActiveSync) ออกจาก Free Account ของ Gmail ผู้ใช้ทั่วไปเสียประโยชน์มากกว่าได้

มาเมื่อวานนี้ Google ประกาศปิด CalDAV API และแนะนำให้นักพัฒนาย้ายไปใช้ Google Calendar API แทน และมาวันนี้มีข่าวว่า กูเกิลจะปล่อยให้นักพัฒนากลุ่มเล็กๆ และไมโครซอฟท์ใช้งาน CalDAV ต่อหลังปิดบริการ และ Google to allow Microsoft to continue to use CalDAV protocol ที่เป็นข่าวล่าสุด

ทำให้นึกถึงเมื่อ 2-3 เดือนก่อนที่ Google บอกว่า proprietary standards อย่าง EAS มันไม่ดี ไม่ควรใช้งานต่อไป เพราะ Microsoft เป็นคนพัฒนา มันมีค่าใช้จ่าย มันเสียเงินเยอะ โน้นนั้นนี่ แล้วบอกว่า CalDAV เป็นคำตอบที่ดีกว่า เพราะเป็น open source พัฒนาต่อยอดง่ายกว่า ไม่ขึ้นอยู่กับใคร และแนะนำว่าควรนำมาใช้แทนที่ EAS เลย

แต่แล้ว… สิ่งที่เกิดขึ้นคือในตอนนี้ที่รู้สึกคือ

Google บอก Google Calendar API นั้นดีกว่า! เพราะมันคือ proprietary standards ที่สร้างโดย Google!

ส่วนตัวผมแล้วนั้น ผมเรียกว่าแถครับ!! คือจะไม่ใช้ proprietary standards คนอื่นก็บอกมาครับ อย่าอ้างว่าไม่อยากเสียเงิน license แล้วบอกว่า proprietary standards มันคือความชั่วร้าย เราไม่ควรสนับสนุนมันต่อไป แล้วใช้คำว่า open source มาเป็นข้ออ้าง แล้วไง… ตอนนี้ หึหึหึหึ แล้วก็โยนผู้ใช้งานที่ตัวเองมีอยู่ให้หันมาใช้ proprietary standards ของตัวเอง พี่จะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็บอกมาตรงๆ ครับ (╯°□°)╯︵ ┻━┻)

ผมจะไม่แปลกใจเลยว่าในอีกไม่นาน Gmail อาจเก็บเงิน และร้ายกว่านั้นคือยกเลิกบริการฟรีไปเลย ก็รอดูว่าจะไปในแนวทางไหน เตรียมตัวย้ายบ้านกันให้ดีครับ

Google ถอด EAS (Exchange ActiveSync) ออกจาก Free Account ของ Gmail ผู้ใช้ทั่วไปเสียประโยชน์มากกว่าได้

จากการที่ Google ตัดสินใจหยุดให้บริการ Exchange ActiveSync ลงสำหรับลูกค้าทั่วไป  นั้นพอเข้าใจได้ในด้านของตัวองค์กรขนาดใหญ่ที่เปิดให้บริการ Free E-mail กับบุคคลทั่วไป เพราะ Google ต้องเสียค่าใช้จ่ายในด้าน License ตัว Protocal ของ EAS ที่จะใช้ให้กับผู้ใช้ทุกรายที่เปิดใช้บริการให้กับ Microsoft และการแบกรับภาระตรงนี้มองว่าเป็นการเพิ่มภาระนอกจากส่วนพื้นที่เก็บอีเมลที่ต้องแบกรับภาระอยู่แล้ว แต่นั้นไม่ได้มีผลใดๆ กับการใช้งานของ EAS ใน Account พวก Google Apps for Business หรือตัวที่ไม่ใช่ Free Account เพราะในส่วนนั้นยังคงยังใช้ได้เหมือนเดิม สรุปง่ายๆ คือ ถ้าจ่ายเงินให้ Google ใน Account ที่ใช้งานสำหรับธุรกิจ (Google Apss for Business ) คุณก็ยังใช้งาน EAS ได้ตามปรกติ

แต่เหตุผลอีกอย่างที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ การใช้ EAS นั้นทำให้การรับ-ส่งอีเมลของผู้ใช้งานเข้าผ่านตัว client App ที่รับ-ส่งอีเมลได้อิสระ แถมได้ระบบ push ที่ทำงานได้ดีและแทบจะไม่ต้องเข้าหน้าเว็บเมลของ Gmail อีกเลย เพราะทุกอย่างสามารถจัดการได้ผ่าน client บนมือถือหรือ App ที่รองรับได้เกือบทั้งหมด ทำให้รายได้ในการแสดงผลโฆษณาบนเว็บนั้นหายไป งานนี้เป็นการบังคับคนใช้งานที่เป็น Free E-mail ว่าอยากใช้ EAS ก็จ่ายเงินมา เพราะต้องมองว่า client App ถ้าเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งหมดโดยไม่ผ่านหน้าเว็บใดๆ ที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ ทำให้ไม่ต้องเข้าเว็บ แล้วผู้ใช้งานไม่จ่ายเงินก็เหมือนกับ Google ไม่ได้อะไรจากหน้าเว็บที่ตัวเองมีโฆษณาแสดงผลบนเว็บตามข้อมูลที่เกี่ยวกับอีเมลนั้นๆ ได้เลย

แต่ผลพวงอีกด้านนั้นผมมองว่า Google เอา EAS ออกนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ Google กำลังถอยจากแพลตฟอร์ม Windows Phone  และเป็นการบีบ Microsoft มากขึ้นในตลาด Windows 8 และ Windows Phone 8 ที่มีระบบที่สามารถใช้การเชื่อมต่อกับ Google Service ได้ เพราะบริการหลายๆ ตัวที่เชื่อมต่อได้ใน Windows 8 และ Windows Phone 8 นั้นใช้ผ่าน EAS ได้ เช่น People (Contact), Calendar และ Mail โดยสามารถ Push/Sync ได้ แต่เมื่อ Google ถอด EAS ออกจากบัญชีผู้ใช้ทั่วไปแบบ Free E-mail ทำให้ต้องปรับการเข้าถึงอีเมลผ่านทาง IMAP/POP3 และนั้นหมายถึงมันจะไม่ push มาให้ผู้ใช้งาน รวมถึง Contact และ Calendar ต่างๆ จะไม่สามารถ Sync เข้ามาได้ตามปรกติ เพราะ Google ถอด EAS ไปแล้ว โดยถ้าต้องการ Sync ก็ต้องทำผ่าน Protocal ที่เป็น open standard อย่าง CardDAV (Sync ตัว Contact) และ CalDAV (Sync ตัว Calendar) ซึ่งในตอนนี้ Microsoft ยังไม่รองรับ โดยระหว่างที่ปรับหรือหาทางออกในช่วงนี้ Microsoft คงเสียจังหว่ะในการพัฒนาตัว Windows 8 และ Windows Phone 8 ให้สมบูรณ์ในด้านอื่นๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ มาปรับปรุงหรือหาทางออกให้กับผู้ใช้ของตัวเองให้กลับมาใช้งานได้ปรกติเหมือนเดิม เพราะต้องอย่าลืมว่าตัว Service ของ Google เองก็มีคนใช้ทั่วโลกอยู่เยอะ และผู้ใช้งานใน Operating System ของตัวเองก็ต้องทำให้รองรับให้ได้เพื่อให้ยังคงแข่งขันได้ในตลาดที่อุปกรณ์อย่าง Tablet และ Smartphone ที่ต่างแข่งขันกัน Push/Sync ได้แบบทันที เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ Microsoft แปลกใจที่ Google หยุดสนับสนุน Exchange ActiveSync, แนะลูกค้าย้ายมา Outlook.com  และต้องทำให้ Microsoft เผยรายละเอียดเพิ่มเติมและตอบคำถามเกี่ยวกับ Outlook.com และ Micorosft เผย ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งาน Gmail ได้ต่อ ด้วย IMAP เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานในระบบ Operating System ที่ตัวเองพัฒนาอยู่ทั้งใน Windows 8 และ Windows Phone 8 ต่อไป

แต่จากเหตุการณ์นี้ ถ้าเรามองจะเห็นว่า Google ทำแล้วเกิดผลกระทบเยอะ เป็นข่าวค่อนข้างวงกว้าง นั้นคงเพราะเป็นลักษณะของการบีบผู้ใช้ให้เลือกข้างนั้นเอง โดยมุ่งไปที่ตลาด Smartphone ที่ Microsoft กำลังปลุกปั้นขึ้นมาใหม่อย่าง Windows Phone 8 อย่างชัดเจน โดยมองว่าผู้ใช้งานรายเก่าที่ใช้ Android หรือ iOS อยู่ก่อนแล้ว และกำลังคิดจะเปลี่ยนไปใช้ Windows Phone 8 คงต้องชะงัก และหันกลับมาใช้ Android ของตัวเองเป็นหลักตามเดิม หรือถ้ายังไม่พร้อมแต่ใช้ iOS อยู่ก็ให้เสพติด App ที่ตัวเองส่ง App เข้าไปเพื่อตีแนวๆ trojan อยู่ใน iOS อยู่เนืองๆ ซึ่งเห็นได้ชัดใน Google Maps ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานหลังจาก Maps บน iOS 6 นั้นไม่ได้ดีดังที่คาด และ Gmail App ที่ทำให้โหลดมาเพื่อเตรียมการประหาร Microsoft เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ซึ่งถ้าดูๆ จากตลาดโลกในตอนนี้ Android มีส่วนแบ่งตลาดเยอะ และ Gmail ก็ติดลมบนและได้แรงส่งจาก Android ด้วย มันเลยสมประโยชน์กันพอดี เพราะทุกคนที่ใช้ Android ก็ต้องมี Google Account เพื่อใช้งานอยู่ด้วยเสมอ

หันมาดูทางฝั่ง iOS เองนั้น ถ้าโดนกินส่วนแบ่งไปเรื่อยๆ ส่วนตัวผมมองว่าผู้ใช้ iOS เองก็เตรียมตัวได้เลย เพราะตัวอย่างเห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้า Google หยุด support ตัว Gmail App ที่ push Mail ได้ แล้วบอกกับผู้ใช้ iOS ว่า ย้ายมา Android ซะเพื่อใช้ App ที่พวกคุณเสพติดกันได้ดีมากขึ้น หรือมี support จริงๆ ในอนาคต งานนี้ออกแนวตีหัวเข้าบ้านกันจังๆ เลย เพราะต้องอย่าลืมว่า EAS เลิก Support ระบบ push ที่ทำงานได้ใน iOS ผ่านการตั้งค่าใน Exchange ทั้ง Contact, Calendar และ Mail นั้นต้องถูกยกเลิกไปด้วย และต้องใช้ผ่าน Gmail App สำหรับ Push ตัว E-mail ของ Google บน iOS เท่านั้น และต้องลำบากชีวิตมากขึ้นเพื่อค่า CalDAV สำหรับ Calendar และ CardDAV สำหรับ Contact อีกที ส่วนใครไม่อยากใช้อีเมลรับ-ส่งผ่าน Gmail App ก็ต้องใช้ผ่าน IMAP/POP3 เอาเอง ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็น interval sync (polling) ไม่ใช่ push แบบที่เคยใช้งานบน EAS ตามปรกติที่รวดเร็วทันใจ งานนี้ก็ทำใจกันล่วงหน้าได้เลย

ส่วนตัวตอนนี้อีเมลที่ใช้ทำงานจริงจังจะใช้อีเมลที่อยู่ภายใต้ domain (@thaicyberpoint.com) ตัวเองเป็นหลัก ส่วนอีเมลที่เป็น domain พวก Free E-mail จะใช้เฉพาะเข้าถึงบริการของแต่ละบริษัทพวกนี้มากกว่า (@gmail.com, @yahoo.com หรือ @hotmail.com) แล้วตั้ง Forward ตัว E-mail เข้าตัว domain หลักของผมอีกทีทีนี้ก็ง่ายในการย้ายและรับ-ส่งอีเมลได้สบายๆ (ผมใช้วิธีนี้กับ @gmail.com @outloook.com และ @hotmail.com) แต่ถ้าบริการของบริษัทไหนสามารถตั้ง account บริการพวกนี้ด้วย domain ของตัวผมเองได้ จะใช้ domain ตัวเอง เพราะมันย้ายง่ายมากๆ เช่น .NET Passport หรือตอนนี้ชื่อว่า Microsoft account ที่ผมใช้อีเมลภายใต้ domain ผมเองอยู่เป็นต้น ซึ่งส่วนตัวจากข่าวข้างต้นทั้งหมดนั้นดูไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะปรกติใช้ Google Mail แบบเสียเงิน เป็น Google Apps for Business ที่ต้องจ่ายเงินปีละ 1,500 บาทต่อ 1 account อยู่แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่ย้ายจริงๆ ก็คือไม่อยากเสียเงิน Google Apps for Business ที่ได้ความสามารถเพิ่มเติมมาเยอะ แต่ใช้ส่วนตัวจริงๆ ผมใช้แค่ให้มัน Sync กับ Microsoft Outlook ได้ (เหมือนเป็นค่า License ตัว API ของ Google ที่จ่ายให้ Microsoft ในการเข้าถึง API ของ Microsoft Outlook) แต่ตัวที่ทำให้การย้ายมา Hotmail มันเร็วขึ้นจากแผนที่วางไว้ 2-3 เดือนก็เพราะเรื่องภาษาไทยใน Google Mail ที่มี bug กับ Windows Phone 8 เลยทำให้ต้องย้ายเร็วกว่ากำหนด

ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ คือ Gmail ย้ายมาใช้ Hotmail เนี่ยแหละ อ่านได้จาก ย้ายจาก Google Apps มา Windows Live Admin Center (Custom addresses)

ซึ่งในการทำงานนั้น อีเมลผมจะใช้ domain ตัวเอง ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ ส่วนตัวผมก็แค่ย้าย MX Record จาก Gmail มาใช้ Hotmail แล้วก็ทุกอย่างก็จบ ผมรับ-ส่งเมล หรือคนส่งมาก็ยังใช้อีเมลเดิม แต่ระบบด้านหลังเปลี่ยนไปแล้ว เค้าไม่รู้สึกเลยว่ามีการเปลี่ยนอีเมลไปใช้ Hotmail แต่ถ้าใช้อีเมล Free E-mail ที่เป็น domain คนผู้ให้บริการ Free E-mail  ต่างๆ ชื่อ domain มันจะผูกติดกับบริษัทนั้นๆ ไปเรื่อยๆ เค้าบังคับให้ใช้อะไรก็ต้องใช้ไป จะย้ายจะเปลี่ยนก็ต้องอีเมลบอกกันเป็นร้อยเป็นพันคน เหมือนกรณี Gmail ในตอนนี้เนี่ยแหละ ที่ถ้าเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ก็ตัวใครตัวมันหล่ะ ซึ่งหลายคนใช้ @gmail.com กันเยอะขึ้น การย้ายทีก็บอกใหม่ทีซึ่งในอนาคตผมเชื่อว่ามันจะลำบากมากจริงๆ เพราะวันดีคืนดีบอกหยุดให้บริการหล่ะงานเข้ากันใหญ่ เพราะต้องมาย้ายหาที่อยู่ใหม่ เหมือนโดนไล่ที่

จากทั้งหมดทั้งมวลเอาเข้าจริงๆ ผู้ใช้ก็เหมือนโดนโยนกันไปโยนกันมา ในฐานะที่เป็นผู้ใช้งานต้องเตรียมตัวรับกับสิ่งเหล่านี้ให้ดี อย่างน้อยๆ ก็ต้องพร้อมที่จะย้ายบ้านได้ถ้าเจอบริษัททำวิธีการแบบนี้อยู่เนืองๆ กรณีนี้ Google น่าจะเห็นชัดสุดๆ ในปัจจุบัน เพราะผลกระทบเยอะและวงกว้างเห็นได้ชัดเจน คืออย่างน้อยๆ ก็คนใช้ iOS เนี่ยแหละต้องปรับตัว แต่ไม่ใช่ว่า Apple หรือ Microsoft ไม่ทำ สองบริษัทหลังนี่ก็ทำเหมือนกัน แต่ยังไม่เห็นผลชัดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น เราผู้ใช้ต้องรู้เท่าทัน และสามารถที่ย้ายการใช้งานไป-มาได้ด้วยตัวเองด้วย เพื่อไม่ให้บริษัทพวกนี้มีอำนาจเหนือเรามากเกินไป (หรือง่ายๆ คือใช้ความเคยชินและข้อมูลของเราเป็นตัวประกัน) ส่วนตัวแล้วนั้นเชื่อว่าเราในฐานะคนใช้บริการมีทางเลือกเสมอ อย่าไปจมกับบริษัทพวกนี้มาก ถ้ามันรวมระบบกันแล้วไม่สนิทและทำงานแล้วลำบากก็ย้ายเสียแต่เนิ้นๆ เถอะครับ สรุปใช้ของฟรีมันก็แบบนี้แหละ ทำใจยอมรับกันไป คือทางเลือกมันมีนะ แต่อยู่ที่จะเลือกแบบไหน ><"

ย้ายจาก Google Apps มา Windows Live Admin Center (Custom addresses)

หลายคนคงยังไม่ทราบว่า Hotmail (Windows Live Mail) ของ Microsoft มีบริการชื่อ Windows Live Admin Center ซึ่งเป็นบริการสำหรับใช้ชื่อโดเมนของเว็บอื่นๆ นอกจากชื่ออย่าง hotmail.com, windowslive.com หรือ outlook.com ในการใช้อีเมลของ Hotmail เอง ซึ่งก็คล้ายๆ กับ Google Apps ของ Google ที่ให้บริการแบบนี้เช่นกัน

แน่นอนว่าส่วนตัวผมแล้วจะใช้ Google Apps มาก่อน แต่ด้วยความเข้ากันไม่ได้ของอีเมลภาษาไทยกับ Windows Phone 8 ในตอนนี้ที่ยังมีข้อผิดพลาดอยู่ (รอแก้แล้วย้ายกลับก็ได้ ฮาๆๆ) เลยต้องย้ายมาใช้ Windows Live Admin Center แทน ซึ่งก็ต้องใช้การย้ายข้อมูลที่ใช้เวลาพอสมควร แต่ถ้าคนที่มีความรู้ด้านเครือข่ายไอทีแล้วก็ใช้เวลาย้ายไม่เกิน 10 นาทีต่อโดเมนเท่านั้น (ถ้าทุกอย่างพร้อมและข้อมูลครบจริงๆ) แล้วเสียเวลาย้ายข้อมูลไปอีกนิดหน่อย (ขึ้นอยู่กับว่าเยอะแค่ไหน)

การเข้าก็เง่ายๆ ไปที่ https://domains.live.com/ แล้วก็สมัครไปตามปรกติ

image

ถ้ามี account อยู่แล้ว ก็ใช้ได้เลย ก็ Add domain เพิ่มได้เรื่อยๆ ตรงนี้มีข้อดีกว่า Google ตรงที่ 1 Live ID สามารถสร้าง domain แยกจากกันได้สบายๆ

2012-12-07_133728

โดเมนนี้เราสามารถนำไปใช้กับ Windows Mesenger (Windows Live Live, MSN) ก็ได้

image

แต่ละ domain รองรับจำนวนอีเมลได้มากถึง 500 อีเมล (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ธ.ค. 2555)

2012-12-07_133020

ผมสรุปโดยทั่วไป ณ ตอนนี้

  • ข้อเสีย Windows Live Admin Center ก็คือไม่รองรับ Alias name ของ e-mail ใน UI บนเว็บ ถ้าจะใช้งานต้องทำผ่าน web service และทำได้เพียง 5 alias/e-mail เท่านั้น (เขียนโปรแกรมไป call services)
  • ตัวระบบ Windows Live Admin Center มีบริการทั้ง Mail, Calendar, People (Contact) และ SkyDrive เป็นหลัก
  • สามารถทำ Co-branding ได้ เผื่อเปิดให้บริการ Free e-mail สำหรับลูกค้าก็ได้ด้วย
  • ตัว SkyDrive รองรับไฟล์ Microsoft Office ผ่าน Web Interface (เทียบเท่า Google Docs)
  • ถ้าใช้ Outlook อยู่แล้ว สามารถ Sync ผ่าน Outlook ได้เลยทั้ง Contact, Mail และ Calendar แต่ข้อเสียคือไม่รองรับ Todo list ที่มีบน Calendar (แต่ถ้าใช้ Google Apps คุณต้องจ่ายเงินค่า App Sync เข้า Outlook ด้วย)
  • ถ้าชีวิตใช้แค่ Mail, Calendar และ Contact อยู่แล้ว การย้ายจาก Google Apps มา Windows Live Admin Center ก็สบาย

ใช้ Gmail ผ่าน IMAP นรกของเน็ต Inter. ช้า

หลังจากที่ Gmail เปิดให้ใช้งาน IMAP ผมก็ทำการ switch มาใช้ IMAP แทน POP3 ทันที ด้วยข้อดีที่มีอยู่เยอะ ของมัน (หาอ่านเอาเอง หรือจะค้นเอาจากพี่กู(เกิ้ล) ก็ได้ครับ)

แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องกลับมาตายรังใช้ POP3 เหมือนเดิม เพราะว่า IMAP จะใช้งานลำบากมาก ถ้า Internet connection นั้นช้า โดยเฉพาะถ้าเป็นการต่อกับ internet ที่เป็นสายเชื่อมต่อผ่าน inter-connection แล้วนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ทำให้ถ้าใช้ IMAP ที่มีการ sync-realtime นี่จบข่าวกันไป กว่าจะคลิ้กแต่และ folder ใน outlook แล้วโชว์อีเมลทีนั่งรอไปสักพัก แถมบางครั้งยังไม่โชว์ว่ามีอีเมลใหม่เข้ามา กลายเป็นว่าทำงานช้าไปในทันที เลยต้องกลับมาใช้ POP3 เหมือนเดิม เพราะมันโหลดแบบ copy-leave มา ไม่ใช่ sync-realtime ถ้าความเร็วไม่ถึงขั้น นี่ช้ามาก ๆ ถึงจะสะดวกกว่าก็ตามที

การแก้ปัญหาโทรศัพท์มือถือ Sony Ericsson รับ/ส่งเมลจาก Gmail ไม่ได้

ปัญหานี้จะมีการแจ้งว่า Encrption error, TSL/SSL unknown certificate authority นั้นเอง โดยผมเป็นคนใช้มือถือรุ่นนี้มานานมากแล้ว และใช้งานได้ดีเสียด้วย แต่การที่มันไม่สามารถเช็คเมลจากอีเมลของ Gmail ได้นับเป็นเรื่องที่หงุดหงิดมากถ้าในเวลาที่เราเร่งๆ ตอนรับเมลงานต่าง ๆ ถึงแม้จะมีอีเมลอื่น ๆ อีกแต่บางครั้งคนส่งก็ส่งมาที่อีเมลชื่อนี้เสียนิ ช่างเซงจริง ๆ ที่มันเข้าไปเช็คไม่ได้ แต่ในวันนี้เราได้รับคำตอบแล้วว่ามันสามารถเช็คได้ด้วยวิธีการเพิ่ม server certificates ใส่ลงไป 2 ไฟล์ผ่านจาก IR Port หรือ Bluetooth ก็สามารถใช้งานได้แล้ว

แต่ก่อนอื่นสำหรับคนที่ตั้งค่าการรับส่งเมลจาก Gmail ไม่เป็นก็ง่าย ๆ ครับทำตามนี้เลย

สำหรับที่ Gmail ของเราเองนั้นต้องทำการตั้งค่าเปิดบริการ POP3 ก่อนครับโดยไปที่

  1. เลือกที่ "Settings"
  2. แล้วเลือกที่ "Forwarding and POP"
  3. แล้วเลือกที่ "POP Download" และเลือก "Enable POP for all mail".

ต่อมาเราก็ไปตั้งค่าที่โทรศัพทของเราครับ

* การตั้งค่าใช้เมนูภาษาอังกฤษนะครับ

1. ที่โทรศัพท์ของคุณให้เลื่อนตัวเลือกไปไปที่ Messaging

2. เลือกที่ Email

3. เลือกที่ Settings

4. เลือกที่ Account settings และเลือกที่ "New account"

5. ใส่ชื่อสำหรับการตั้งค่าอันนี้ โดยตัวอย่างเป็น "gmail"

6. ให้ตั้งค่าตัวเลือกต่อไปนี้จาก เมนู "Advanced settings"

  • ที่ Connect using ให้เลือก GPRS account ของผู้ใช้บริการของคุณ (ที่ไม่ใช่ MMS)
  • ที่ Email aliress ให้ใส่อีเมลของ gmail ของคุณ
  • ที่ Connection Type ให้เลือก POP3
  • ที่ Incoming server ให้ใส่ pop.gmail.com
  • ที่ Incoming username ให้ใส่ ที่อยู่อีเมลของคุณ เช่น [email protected]
  • ที่ Incoming password ให้ใส่รหัสผ่านของคุณ
  • ที่ Outgoing server ให้ใส่ smtp.gmail.com
  • ที่ Outgoing username ให้ใส่ ที่อยู่อีเมลของคุณ เช่น [email protected] (บางรุ่นไม่มีให้ใส่)
  • ที่ Outgoing password ให้ใส่รหัสผ่านของคุณ (บางรุ่นไม่มีให้ใส่)
  • ที่ Encryption
    • Incoming: SSL หรือ TLS/SSL
    • Outgoing: TLS หรือ TLS/SSL
  • ที่ Incoming port ให้ใส่ 995
  • ที่ Outgoing port ให้ใส่ 587 หรือ 465
  • Download เลือก Headers & text เมื่อต้องการโหลดมาทั้งหัวข้อและเนื้อหา ส่วน Headers สำหรับเอาไว้ตรวจสอบหัวข้ออีเมลเท่านั้น
  • Copy Outgoing เลือก Off
  • Check Interval เลือก Off

7. เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วลอง Send and Receive จะเกิดปัญหา Encrption error, TSL/SSL unknown certificate authority (ใครไม่เกิดก็ถือว่าผ่านแล้ว o_O )

8. ให้โหลดไฟล์

9. แล้วทำการ upload เข้าโทรศัพท์ผ่านทาง IR Port แล้วทำการบันทึกลงเครื่องครับ แล้วทดสอบ Send and Receive ใหม่ ปัญหาเรื่อง Encrption error, TSL/SSL unknown certificate authority ก็จะหมดไปครับ

จากปัญหาดังกล่าวเกิดจากที่โทรศัพท์ Sony Ericsson นั้นไม่มี Server certificate authority ที่ Gmail ใช้ครับทำให้ต้องโหลดมาลงเพิ่มเติม -_-‘ เฮ้อ ….. ทำอะไรง่าย ๆ กันไม่เป็นนะคนเรา