ลองจับ LG Optimus G

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2556 ที่ผ่านมา LG ประเทศไทย เชิญผมเข้า Workshop มือถือระดับ flagship ชื่อ LG Optimus G (รหัส E975) ซึ่งกำลังนำเข้ามาขายเร็วๆ นี้ ส่วนตัวยังไม่ทราบราคาแน่ชัดนัก แต่เดาๆ เอาว่าราคา 19,900 บาท (ผมเดาครับ ไม่ได้รับการยืนยันใดๆ ทั้งสิ้น) โดยเปิดตัวครั้งแรกที่เกาหลีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา และผ่านมาได้ 4 เดือนกว่าๆ ก็ได้เวลาสำหรับประเทศไทยกันเสียที (ก่อนหน้านี้เปิดตัวที่เกาหลี ญี่ปุ่น แคนาดา และอเมริกา)

WP_20130227_015

มาดูที่ตัวเครื่องกันเลยดีกว่า ตัว LG Optimus G นั้นเป็นส่วนผสมของ LG Optimus 4X HD และ Nexus 4 เข้าด้วยกัน มองง่ายๆ คือ ตัว Form Factor หลักๆ เป็นแบบ LG Optimus 4X HD ที่ค่อนข้างเหลี่ยมและแบน และผสมเข้ากับกระจกด้านหลังมีเกล็ดสะท้อนแสงคล้าย Nexus 4 ซึ่งทำให้ในชุดที่จำหน่ายมีแถมฟิล์มกันรอยให้ทั้งด้านหน้าและหลังมาในกล่องด้วย (ถ้าไม่มีก็เรียกจากร้านได้เลย)

WP_20130227_048

WP_20130227_029 WP_20130227_035

ในด้านหน้าจอนั้นเป็น “True HD” IPS LCD (768×1280 pixels; 318ppi) ขนาด 4.7” โดยเป็น “gapless” panel โดยตัวกระจกเป็น Corning Gorilla Glass 2 ที่หลังกระจกเป็นจอ LCD เลยไม่มีฟิล์มขั้นกลางให้สีและแสงถูกตัดทอนไปแบบจอ LCD ปรกติ

ในด้านหน่วยประมวลผลกลางนั้นเป็น quad-core CPU จาก Qualcomm Snapdragon S4 Pro APQ8064 (1.5 GHz quad-core Qualcomm Krait) ที่ถือว่าเร็วมากสำหรับตลาดระดับบน พร้อมกับ RAM ที่ให้มาถึง 2GB และ Storage ที่ 32GB ให้เต็มๆ (ความเร็วดูได้จากวิดีโอด้านล่าง)

น้ำหนักตัวเครืองประมาณ 145 กรัม ขนาดตัวเครื่องใหญ่พอๆ กับ Nokia Lumia 920 แต่เบากว่าเยอะ

Battery ที่ให้มานั้นเป็น Li-Ion ที่ไม่สามารถถอดออกจากตัวเครื่องได้ ซึ่งมีความจุ 2,100 mAh ที่ LG พัฒนาตัว Battery ให้สามารถใช้ได้นานถึง 800 Cycle Charge แถมตัว Android ของ LG นั้นได้ปรับแต่งโดยมี “power saver” settings ซึ่งสามารถปรับการใช้งานไป eco mode เพื่อช่วยประหยัดพลังงานด้วย

ในด้านตัว OS นั้นเป็น Android ICS อยู่ แต่ LG บอกว่าตัวขายจริงอาจมีการปรับแต่ง ROM เพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อให้พร้อมขายกับคนไทยด้วย แต่ในงานก็ได้ลองปรับดูว่ามีคีย์บอร์ดไทยหรือไม่ ซึ่งก็ปรากฎว่ามี ก็ลองดูกันว่าคีย์บอร์ดทีให้มาพร้อมตัว OS นั้นโอเคหรือไม่ (แต่โหลดเพิ่มได้อยู่ดี)

WP_20130227_040 WP_20130227_037

WP_20130227_047

สำหรับของแถมอีกอย่างที่จะแถม คงเป็นเคสที่ให้มาในกล่อง ซึ่งเป็นเซ็ตของ LG Optimus G ที่ขายในไทยเลย รูปแบบไม่แตกต่างจาก LG Optimus 4X HD  ที่ขายไปเมื่อไม่นานมานี้แต่อย่างใด คล้ายๆ กันนะเท่าที่ดู

WP_20130227_017 WP_20130227_019

WP_20130227_021

ส่วนอื่นๆ ที่โน็ตๆ มานั้น ผมขอสรุปตามนี้

  • ตัวเครื่องนั้นต้องบอกว่าวัสดุคล้ายๆ กับ Nexus 4 เป็นส่วนใหญ่
  • งานออกแบบเอา LG Optimus 4X HD มาเป็นฐานแล้วเอา Nexus 4 มาแต่งๆ ใส่ลวดลายและกระจกหน้า-หลังลงไปให้ดูสวยขึ้น
  • จอภาพสวยงามสบายตาดี ถ้าให้เทียบกับ Nokia Lumia 920 แล้ว พอๆ กันเลย แต่สีของ LG จะจัดกว่าหน่อย คนที่ไม่ชอบ AMOLED อาจจะชอบตัวนี้ (ดูๆ แล้วไม่เหลืองด้วยนะ)
  • ในด้านความเร็วในการตอบสนองของ UI ดีมาก (ดูได้จากวิดีโอด้านบน) แต่ซึ่งถ้าเทียบกับ Nokia Lumia 920 แล้วคงต้องบอกว่า ลื่นในลักษณะที่ไม่เหมือนกัน (บอกไม่ถูก แต่มันติดนิ้วคนละแบบจริงๆ)
  • กล้องด้านหลัง 13MP ให้มาเกินพอ ภาพในที่แสงน้อยทำได้ดี ISO 800 ให้คุณภาพของภาพที่ถือว่าไม่ทำให้ผิดหวัง (ภาพจากกล้องอยู่ด้านล่าง)
  • กล้องด้านหน้า 1.3MP ตามสมัยนิยม ไม่มีอะไรใหม่เท่าไหร่ในส่วนนี้ (ถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้าได้ 720p ด้วยนะ)
  • ตัววิดีโอที่ถ่ายออกมาแล้วภาพคมชัดดีมาก (ภาพจากกล้องอยู่ด้านล่างอัพขึ้น Youtube ให้แล้ว) รองรับ Full HD video (1080p) ที่ 30 fps
  • App ถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอพัฒนาในด้านการใช้งานเพิ่มขึ้นและน่าสนใจ อย่างเช่น Time catch shot ถ่ายรูปภาพหลายๆ รูป แล้วเลือกรูปที่ดีที่สุด หรือ cheese shutter ใช้เสียงจากการออกเสียงที่เป็นการอ้าปากที่ทำให้ยิ้มแล้วกล้องจะถ่ายให้ ชื่อคุณสมบัติตรงๆ ตัวมาก
  • ช่องเสียบหูฟังเป็นช่องแบบ 3.5 mm stereo audio jack ส่วนตัวแล้วถือว่าโอเค ตัวหูฟังไม่เห็นตัวจริง เลยไม่รู้ว่าสวยแบบในรูปไหม (เห็นเค้าว่าหูฟังเสียงดีมากๆ แต่เสียดายไม่เห็นและฟังของจริง)
  • การเชื่อมต่ออย่าง Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Bluetooth 4.0 + A2DP และ NFC มีมาให้พร้อม เปิด Wi-Fi Hotspot ได้ รองรับ DLNA
  • ช่องเชื่อมต่ออย่าง micro-USB 2.0 (5-pin) ที่รองรับทั้ง MHL for USB หรือ HDMI connection
  • เรื่องความถี่ในการใช้งานนั้นคงทั่วๆ ไปก็คือ 2G, 3G และ 4G LTE

สรุปโดยส่วนตัวแล้วนั้น รอดูของจริงที่ Shop ใกล้บ้าน อยากให้ไปลองจับลองเล่นดูก่อน ส่วนตัวผมจากที่ให้แม่ใช้ LG Optimus 4X HD มา 2 เดือนกว่าๆ ต้องบอกว่า LG มาเงียบๆ แต่งานประกอบคุณภาพค่อนข้างดีครับ แม่ผมชอบงานประกอบมาก เมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy S3 ของเพื่อนแม่ (´∇`)メ

ไฟล์วิดีโอจากกล้อง LG Optimus G

รูปภาพจากกล้อง LG Optimus G

ปล. สภาพแสดงในร้านอาหารตอน present อาจไม่คมชัดเท่าไหร่มัก เพราะ ISO 800 ครับ ต้องลองในสภาพแสงแดดปรกติดู

CAM00012

CAM00009

CAM00010

บอกเล่าเรื่องราวจาก KBank Meet & Talk with Blogger เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

อาจจะดูนานไปเสียหน่อย เพราะงานนี้จัดกันเล็กๆ 6 ธันวาคม 2555 แต่ก็เขียนสรุปไว้แล้ว แต่ว่าไม่ได้เอามาขัดเกลาให้ดี ตอนนี้ก็ได้เวลาเสียทีแล้ว

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทางธนาคารกสิกรไทยใช้คำว่า digital banking แทน internet banking ด้วยเหตุผลว่า บางอย่างนั้นไม่ได้ทำธุรกรรมผ่าน internet โดยตรง เช่น K-ATM, K-CDM หรือ K-Mobile Banking จึงเป็นเหมือนคำที่ใช้พูดรวมๆ ให้เข้าใจในภาพรวมเดียวกัน

ในงานวันนั้นทางผู้บริหารก็ได้กล่าวให้ข้อมูลโดยอ้างอิงจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รายงานว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้ digital banking ทั้งหมดกว่า 8 ล้านบัญชี โดยธนาคากสิกรไทยมีฐานลูกค้าคิดเป็น 4.6 ล้านบัญชีหรือ 60% ของทั้งหมด

โดยทางผู้บริหารได้กล่าวเสริมต่ออีกว่า ตอนนี้ธนาคารกสิกรไทยมีช่องทางการทำธุรกรรมทางการเงินแบบออนไลน์คิดเป็น 50% จากทั้งหมด โดยได้พัฒนาระบบการรับชำระเงิน หรือ payment platform ที่ในขณะนี้มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 70% และยังมีช่องทางสำหรับเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าผ่านทางเว็บบอร์ดอันดับ 1 ของประเทศไทยอย่าง Pantip.com และ Social Network อย่าง Facebook และ Twitter โดยช่องทาง KBank_Live นั้นมีคนกด like ใน Facebook กว่า 340,000 ราย

ในวันนั้นก็ได้มีการพูดคุยเรื่องของแคมเปญอย่าง New Possibility Happens KBank Digital Banking โดยมุ่งไปที่เรื่องราวของการทำธุรกรรมทางการเงินครบวงจรได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังได้พูดถึงแนวโน้มของการทำธุรกรรมในโลก digital หลังจากนี้ในอีก 3 ปีว่ามี 4 เรื่องด้วยกัน นั้นคือ

  • Social Media – การเข้าถึงกลุ่มคนใน internet ที่อยู่กับในชุมชนออนไลน์ต่างๆ
  • Localized Marketing – การเข้าถึงกลุ่มคนที่เจาะจงลงไปในด้านความชอบ ความต้องการเฉพาะที่ลึกมากขึ้น รวมไปถึงความแตกต่างทางพื้นที่
  • Mobile – การเข้าถึงกลุ่มคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตที่กำลังจะมาแทนการใช้งานคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ
  • Commerce – เมื่อองค์ประกอบต่างๆ ทั้ง 3 ตัวข้างต้นมาได้ครบ การซื้อขายสินค้าต่างๆ จะเข้าถึงได้ง่ายแบบทุกที่อย่างจริงจัง

สุดท้ายก็พูดถึงเรื่องของ Lifestyle Banking ที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยากใช้บริการของธนาคารนั้นได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน digital banking ที่มีอยู่ โดยคาดการณ์ว่าจะเติมโตในปี 2556 อีก 30% หรือคิดเป็นจำนวนบัญชีผู้ใช้กว่า 6.5 ล้านบัญชีให้ได้

ในตอนท้ายของงานก็ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ของ digital banking อยู่พอสมควรด้วยกัน เป็นคำถามนอกรอบที่เกี่ยวกับแนวทางของการทำธุรกรรมใหม่ๆ ในอนาคตของธนาคารโดยทั่วไป

ทาง KBank ตอนนี้มีช่องทางใหม่ๆ ในการใช้งาน Digital Banking หลากหลายมาก โดยเมื่อต้นก่อนได้เปิดตัวกับ NFC กับทาง Nokia และ AIS ไปก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนว่าเป็นการเปิดตัวที่เน้นการเป็นผู้นำทางการตลาดเป็นหลัก แน่นอนว่าทาง KBank ต้องการทำตลาดจริงจังแม้จะยังไม่เกิดก็ตาม แต่คิดว่าในอนาคตกลุ่มคนที่ใช้ NFC จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าจะให้รอให้คนใช้ในด้านอื่นๆ เยอะๆ ก่อนแล้วลงมาเล่นในตลาดนี้อาจจะไม่ทันต่อการแข่งขันได้ การทดลองตลาดไปในช่วงเริ่มต้น ทำให้เห็นมุมมอง และช่องทางใหม่ๆ ในการนำไปใช้ได้ดีและมากขึ้นด้วย

สำหรับส่วนของ Credit Card หรือ SmartCard Reader ที่ใช้ทำงานร่วมกับระบบ Smartphone นั้นตอนนี้ทาง KBank ก็มีแนวคิคที่จะพัฒนาและเปิดให้บริการกับผู้ที่สนใจเร็วๆ นี้เช่นกัน

สำหรับคำถามในด้านของช่องทางเกี่ยวกับ Digital Banking อื่นๆ ก็ได้แก่

ข้อกำหนดของรหัสผ่านนั้นทาง KBank พยายามที่จะแนะนำผู้ใช้ให้ตั้งรหัสผ่านอย่างรัดกุมและเข้าถึงได้ยาก แต่อยู่บนฐานที่สามารถจดจำได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้การเขียนรหัสผ่านบนกระดาษหรือเครื่องมืออื่นๆ ในการช่วยจดจำ โดยทาง KBank ให้ความเห็นว่า การพยายามให้มีข้อกำหนดมากมาย นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่สุดท้ายการมีข้อกำหนดของรหัสผ่านมากมาย ทำให้รหัสผ่านนั้นๆ ไม่ได้เป็นรหัสผ่านที่เป็นความลับมากนัก กลับกลายเป็นการเขียนรหัสผ่านบนกระดาษแล้วเก็บหรือแปะไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ รอเพียงผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เพราะฉะนั้น การให้ความรู้และทำให้ผู้ใช้งานผ่าน Digital Banking ตระหนักถึงความจำเป็นในการตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยความสมัครใจเป็นที่ตั้ง

ในด้านความปลอดภัยด้วย OTP นั้นทาง  KBank ได้เพิ่มเติมระบบในส่วนของรับชำระสินค้าและบริการลงไปแล้วหลังจากที่มีในส่วนของการโอนเงินระหว่างบัญชีและการเพิ่มบัญชีใหม่ๆ ลงในระบบ เพื่อเพิ่มความปลอดกัยมากขึ้นไปอีก

ทาง KBank ได้ตระหนักว่าในตอนนี้การโจมตีใหม่ๆ นั้นเพิ่มมากขึ้น การใช้ Phishing นั้นเริ่มเป็นที่แพร่หลาย การส่งอีเมลแจ้งลูกค้าและออกข่าวทำให้คนระมัดระวังตัวกันมากขึ้นและได้ผลดี และอาศัยการป้องกันด้วยการสังเกตจาก SSL/CA ที่มีในการตรวจสอบได้ง่าย แต่ตอนนี้การโจมตีด้วย MItB (Man In the Browser) กลับเป็นภัยใหม่ที่ป้องกันยากขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเป็นการโจมตีแบบลักษณะคล้ายๆ Trojan horse แต่เป็นแบบฝั่งตัวคล้ายๆ Proxy คอยดักจับ ปลอมแปลง และบันทึกข้อมูลไว้อยู่บนเครื่องของเรา แล้วค่อยส่งข้อมูลไปยังเครื่องรับข้อมูลปลายทางเพื่อเก็บข้อมูลที่ดักจับได้อีกชั้นหนึ่ง โดยการโดน MItB แบบนี้แม้แต่ SSL/CA ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ เพราะ SSL/CA จะ Valid ตลอดเวลา เพราะโดยปลอมแปลงตั้งแต่ชั้นการดึงข้อมูลเริ่มแรกแล้วนั้นเอง วิธีการป้องกันคือการติดตั้ง Software ที่มีการตรวจจับการติดต่อระหว่างเครื่องและ Web Browser ต่างๆ ปรกติจะอยู่ในชุด Software Internet Security และ AntiVirus สมัยใหม่ที่ทำงามร่วมกันระหว่าง Web Browser จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น

จากทั้งหมดในงาน Meeting นี้ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยในเชิงของการใช้งาน Digital Banking เป็นหลัก ทั้งในด้านการใช้งานทั่วไปและด้านความปลอดภัยในการใช้งานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในอนาคตคงมีแนวทางในการเข้าถึงบริการและความปอดภัยในการใช้งานด้าน Digital Banking ที่ปลอดภัย รัดกุมมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานตกเป็นเหยื่อผู้ไม่ประสงค์ดี

แน่นอนว่าต่อให้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยมากมายแค่ไหนในฝั่งผู้ให้บริการ แต่ถ้าผู้ใช้งานยังคงไม่ตระหนักในเรื่องนี้ก็ยากที่จะทำให้ตัวเองปลอดภัยต่อการถูกฉ้อโกง รวมไปถึงการขโมยเงินผ่านระบบ Digital Banking ออกไปจากบัญชีของเราแน่นอน

สุดท้ายในด้านการสนับสนุนและบริการลูกค้าผ่านทางช่องทาง @KBank_Live และ facebook.com/KBankLive นั้นจะเป็นทีม Social Network เฉพาะของทางฝั่ง Marketing เอง สำหรับงานด้านการสนับสนุนและบริการลูกค้าผ่านช่องทางใน Pantip.com นั้นจะเป็นทีมอีกทีมหนึ่งที่เป็นส่วนของ Call Center ซึ่งอยู่กันคนละทีมกัน

WP_20121206_005

WP_20121206_013 WP_20121206_011

BlackBerry Blogger Day – 18/9/2010

ได้รับเชิญจากทาง PR ของ RIM (Research In Motion) ไปงาน BlackBerry Bloggers and Communities Day โดยในงานนั้นผู้บริหารของริม คุณแดนนี่ โบลดุค ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการ ประจำประเทศไทยและมาเลเซีย ได้มานำเสนอเรื่องราวของ RIM และพูดถึง BlackBerry Curve 3G 9300

1

23

RIM เปิดตัว BlackBerry Solution ครั้งแรกในปี 1999 และเปิดตัวในไทยปี 2005

4

ตอนนี้ RIM เจิบโตขึ้นมาก และเป็นที่ยอมรับในตลาดทั่วโลก

5

ในไทยนั้น RIM มี partner อยู่ 4 รายและจะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต

6

มาถึงไทยแล้วสำหรับ BlackBerry Curve 3G 9300 !!!

78

9

9300Curve3G_graphite_TH_Gen_TopAngle_re

สิ่งที่ได้เพิ่มเติมจาก Curve 8520  รุ่นเก่าแบบจับประเด็นเร็วๆ ก็คือ

  • รองรับ GSM Quad-Band โดยที่ 3G นั้นก็ได้แก่ 800 หรือ 850/1900/2100MHz หรือ 900/1700/2100MHz ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ
  • รองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n
  • มี GPS ในตัว
  • รองรับการอัพเกรดไป BlackBerry OS 6

10

โดยทาง RIM นั้นกล่าวว่า smartphone ของ RIM เป็นผู้นำในด้านมือถือที่สื่อสารกับ Social networking และการโต้ตอบด้านข้อความอักษรที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือสูง และกำลังทำได้ดีในด้าน multimedia ในอนาคตด้วย

11

มีพูดถึงเรื่อง BlackBerry Protect เพื่อใช้ในการคุ้มครองข้อมูลที่สำคัญของเราเวลาเครื่องหายและสามารถติดตามเครื่องได้

480x360_AppWorld_Featured_Twitter480x360_AppWorld_ChangePaymentOption

ตอนนี้ BlackBerry App World ในไทยสามารถซื้อ App ได้แล้วโดยชำระเงินผ่าน Paypal

12

และในงานได้เปิดตัวโครงการ “Peace of Mind” เพื่อนำเสนอประโยชน์ที่ได้จากการซื้อ BlackBerry จากช่องทาง-kpที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง

Re_BlackBerry Bloggers & Communities Day 180910

ขอสักนิด ^^

สุดท้ายในวันที่ 30 กันยายน 2553 จะมีมีแถลงข่าวเปิดตัว BlackBerryTorch 9800 ที่ห้องจูเนียร์ บอลรูม 2 ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม สุขุมวิท เวลา 14:00 น. ครับ

Intel Insider Day (วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน, วาวี คอฟฟี่ ซอยอารีย์)

ผมได้รับเชิญจากทางบริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ให้ไปเข้าร่วม Intel Insiders Day (ไม่แน่ใจว่ารอบที่เท่าไหร่แล้วแต่น่าจะมากกว่า 2 เพราะรอบนี้ผมไปครั้งแรกครับ) โดยอินเทลจะเชิญบล็อคเกอร์ พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับคุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ ซึ่งเป็นท่านเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดชั้นสองของร้านวาวีคอฟฟี่ โดยงานนี้ผมขอสรุปใจความสำคัญเท่าที่จำได้มานะครับ

คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ ซึ่งเป็นท่านเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)

คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ
กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)

เมื่อเริ่มงานก็บรรยายเล็กน้อยประกอบกับการตามตอบเป็นระยะๆ ไม่ใช่แนวบรรยายในห้องเรียนสักเท่าไหร่ เพราะทางอินเทล เชื่อแน่ว่าทุกคนที่มางานก็ติดตามข่าวสารของอินเทลอยู่แล้วไม่น่าพลาดในรายละเอียดทั่วไปเท่าใดนัก

DSC_8982

ประเด็นที่คุณเอกรัศมิ์หยิบยกมาเป็นอย่างแรกคือ การผสมการทำงานในทุกๆ ระดับที่สามารถทำได้ และอินเทลคิดการณ์ใหญ่ในการนำชิปประมวลผลของตัวเองลงไปในทุกๆ อุปกรณ์ที่ใช้หน่วยประมวลผลกลางในทุกระดับตั้งแต่ระดับ Enterprise (Super Computer) จนถึงระดับ Consumer ทั่วไปที่บุกไปถึงห้องนั่งเล่นและอุปกรณ์พกพาทุกรูปแบบ โดยใช้ Atom เป็นหัวหอกในด้านนี้ โดยรหัสพัฒนาที่ชื่อ Medfield  ที่จะออกมาในอนาคตอินเทลได้บอกเป็นนัยๆ ว่าจะมีผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่นำไปใช้งาน โดยที่ราคาของ Atom นั้นจะลดต่ำลงจนสามารถสู้กับ ARM ในด้านราคาได้มากกว่านี้ และสิ่งที่อินเมลมั่นใจว่า Atom จะไปได้ดีคือ ARM นั้นจะทำให้นักพัฒนาที่อยู่บน x86 เข้าถึงได้ยากเพราะต้องเรียนรู้และศึกษาใหม่เยอะ และอาจจะไม่คุ้ม การที่ Atom ลงมาแข่งทำให้ x86 บุกเข้าสู่ตลาดใหม่ที่ทำให้นักพัฒนามีทางเลือกนอกจาก ARM

ซึ่งทางคุณเอกรัศมิ์ ระบุต่อไปอีกว่า Atom จะถูกนำมาใช้ในงาน SoC (System On Chip) มากขึ้น และกินไฟน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่ใช่ปัญหาและข้อแตกต่างจาก ARM ในสถาปัตยกรรมที่ผลิตเล็กลงเรื่อยๆ นำไปสู่การเอาไปใส่ในอุปกรณ์ทั่วๆ ไปมากขึ้น

DSC_8979

ซึ่งสิ้นปีและต้นปีหน้า เราจะเห็น Atom ที่เป็น Series ใหม่ๆ ออกมา โดยตัวที่มุ่งเน้นก็คงเป็น Z-Series สำหรับโทรศัพท์มือถือ และ CE-Series สำหรับ TV ที่ไม่แน่ว่าเราอาจจะเห็นมากขึ้นในปลายปีนี้

DSC_8992

โดยทางคุณเอกรัศมิ์บอกต่อไปอีกว่าอินเทลมองเห็นทิศทางของ Netbook จะไปได้ไกลในปีนี้และต้นปีหน้า เพราะราคาของ Windows ที่ถ้าผู้ผลิตได้ราคาลิขสิทธิ์จากทาง Microsoft ต่อเครื่องลดต่ำลงเพื่อลงมาสู้กับ Android OS และ Ubuntu Linux เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดโดยตัดราคาให้ได้ส่วนแบ่งมากที่สุดก่อนเน้นมูลค่าทางการตลาด

DSC_8984

สำหรับ CPU Desktop ที่สามารถนำไป Overclock ได้โดย "ไม่หมดประกัน" และทำได้ง่ายๆ ผ่าน Software คือ K-Series ซึ่งเป็น Core รุ่นที่ Overclock ได้  ซึ่งการรับประกันตัว CPU จะยังคงอยู่ แต่ถ้า Overclock แล้วไปทำไหม้ก็ไม่รับประกันนะครับงานนี้ (คือข้างกล่องจะมีบอกว่า limit ของ CPU จะได้สูงสุดเท่าไหร่ถึงจะมีผลทำให้ไหม้ได้) ซึ่งรุ่นนี้จะไม่มีพัดลมมาชุดติดตั้ง เหตุผลเพราะคนที่เอามา Overclock มักใช้อุปกรณ์ระบายความร้อนที่ซื้อแยกต่างหากอยู่แล้ว

สำหรับเหตุผลว่าทำไมถึงทำ K-Series ออกมาให้ Overclock ได้ทั้งๆ ที่น่าจะทำ CPU ออกมาในขนาดความเร็วเท่านั้นไปเลย เหตุผลทางคุณเอกรัศมิ์ บอกว่าเป็นเหตุผลทางการตลาดและความสามารถในการผลิตตัว CPU ต่างๆ ในแผ่น Wafer เดี่ยวอาจจะเอามาทำรุ่น K-Series ได้ในจำนวนหนึ่งเท่านั้น รวมไปถึงบางครั้งความต้องการของ CPU บางรุ่นอาจจะต้องเอา Core CPU ที่ผลิตไดไป underclock เพื่อเอาไปขายให้ทันส่งลูกค้า นั้นคือเหตุผลว่าทำไม CPU บาง lot ที่ขายๆ กันในอดีต-ปัจจุบันจึงสามารถ Overclock ได้ในระดับสูง ในบาง lot บางช่วงเวลานั้นเอง ซึ่งอินเทลก็ใช้จุดนี้มาทำการตลาดแบบนี้เช่นกันใน K-Series นั้นเอง

สำหรับสุดท้ายตลาด Enterprise นั้นทางอินเมลระบุว่ากำลังไปได้ดีในตลาดนี้ ดูได้จากส่วนแบ่งในการนำไปใช้ในตลาด Super Computer ขนาดใหญ่ที่มีรายงานออกมาจากทาง TOP500 เมื่อไม่นานมานี้ ที่การใช้งานเป็น Xeon อยู่ 80% และคาดว่าจะกินส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในอนาคตเป็น 90% ได้ในไม่นานนี้

สำหรับข้อมูลอื่นๆ เก็บตกบางส่วน อ่านได้จาก Intel Insider Day: Medfield จะทำให้เราประหลาดใจ, TSMC ไม่เคยได้ผลิตชิป Atom ครับ

Windows 7 Blogger Day – วันที่ 26 ก.ย. 52

เป็นงานที่ได้รับเชิญจาก Microsoft Thailand ให้ไปนำเสนอ Feature ที่คิดว่าเด็ดและน่าสนใจ Windows 7 ซึ่งเป็นงานที่ชื่อว่า Windows 7 Blogger Day จัดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2552 เวลา 13:00 น. – 16:00 น. สถานที่ Microsoft Thailand ห้อง Auditorium ชั้น 38 ตึก CRC, All Season Place ถ.วิทยุ ครับ

DSC_7275DSC_7277

สำนักงานของ Microsoft ในประเทศไทยนักดูสวยงามครับ ไปกี่ครั้งก็ดูสวยงามทุกๆ ครั้งครับ

DSC_7269

ไปถึงก็มีโต๊ะ TwitterWall มีรูปเพื่อนๆ ใน Twitter ครับ

DSC_7339

แล้วตอนจะกลับก็มาเขียนกันว่าใครเป็นใครครับ

DSC_7340

แต่พอดีว่าผมมีรูปเยอะมากๆ –_-‘ กลายเป็นโดนแซวว่าซื้อพื้นที่สื่อซะงั้น T_T

แล้วผมก็ขอตัวน้องเมย์มาถ่ายรูปคู่กับป้าย Windows 7 สักหน่อยครับ ;P

DSC_7270DSC_7279

บรรยากาศภายในงั้นตอนเริ่มต้นนั้นดูเงียบๆ ครับ ทุกคนคงเกร็งๆ กันหมด เพราะส่วนใหญ่คงเพิ่งเคยมา Microsoft Thailand ครั้งแรก ในงานนี้ทาง Microsoft สั่งพิชซ่า และน้ำมาให้กินกันเยอะมากครับ

 DSC_7271 

เปิดงานกับพี่จีระวัฒน์ และพี่ฟูเกียรติ มากล่าวเปิดงานแนะนำ 7 Feature แรกที่ทาง Microsoft ขอนำเสนอก่อนทาง Blooger ท่านอื่นๆ เลยครับ

โดยมามุกว่าชาว Microsoft ต้องรู้ว่า Windows 7 เนี่ยมีความสามารถอะไรใหม่ ๆ บาง และพนักงานต้องรู้กันทุกๆ คนก็ได้แก่

  1. ตัว Thumbnail Preview ที่ Superbar
  2. Pinning การปักหมุดตัว icon ของโปรแกรมต่างๆ บน SuperBar
  3. ตัว Jump List ที่จะทำให้เราคลิกขวาที่ icon บน Superbar แล้วจะมี shortcut ของ App นั้นๆ
  4. ตัวปุ่ม Show Desktop จะเป็นเป็นแถบเล็กๆ แนวตั้งซึ่งอยู่ที่มุมขวาล่างทำให้เลื่อนเมาส์ไปได้โดยไม่ต้องมอง ซึ่งAero Peek เป็น feature ที่ต่อเนื่องจาก Show Desktop ที่ถ้าเราไม่กดปุ่ม Show Desktop แต่เอาเมาส์ไปวาง ก็จะทำให้หน้าต่างทั้งหมดโปร่งใสเพื่อดูพื้นหลัง
  5. Magnifier กดปุ่ม Windows ตามด้วย + หรือ – เพื่อทำการ Zom-in/out ตัวหน้าจอได้เหมาะกับการไป Present ตามงานต่างๆ มาก
  6. การทำ Snap เป็นลักษณะในการที่นำหน้าต่างไปเกาะที่ขอบด้านซ้ายหรือขวา แล้วจะปรับหน้าต่างให้ใช้ครึ่งหนึ่งของหน้าต่างหน้านั้น ทำให้เราสามารถดูเอกสารได้พร้อมๆ กัน 2 หน้าต่างพร้อมกัน หรือจะดันไปด้านบนเพื่อขยายหน้าต่างก็ได้เช่นกัน (เขย่าหน้าต่างก็เป็นการให้หน้าต่างตัวอื่นๆ ย่อลงไปทั้งหมด)
  7. Projector Mode เป็น App เล็ก ๆ เพื่อใช้สำหรับตั้งค่าการปล่อยสัญญาจากเครื่องเราไปยัง Projector ได้ง่ายมากขึ้นด้วยการกดปุ่ม Windows และกด P

DSC_7280

DSC_7281

DSC_7283

โดยที่คุณศิริพร จาก Microsoft Thailand ได้บอกกับเราชาว Blogger ว่าทีมที่ทำ Windows 7 นั้นมีคนไทยเข้าไปร่วมพัฒนาอยู่ด้วยกันกว่า 30 คน โดยมีคนไทยในประเทศไทยช่วยทดสอบหลายกลุ่ม และสำหรับ Windows 7 Thai นั้นก็มีทั้งหมด 13 คน ซึ่งผมก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แต่ผมไม่ได้ส่ง report –_-‘ ได้แต่คุยๆ กับพี่ @markpeak นิดๆ หน่อย ในเรื่องคำแปล เลยแก้ตัวเรื่องอื่นๆ แทน –/\- และใน Windows 7 นั้นก็ยังมี Wallpaper ที่มาจากฝีมือคนไทยโดยคุณป้อมจันทร์ โดยจะอยู่ใน Windows 7 ที่จะว่างจำหน่ายทั่วโลกอีกด้วยครับ

DSC_7284 DSC_7285 DSC_7289 DSC_7290

แล้วในวันนี้ก็ได้เชิญ Blogger หลายๆ ท่านมาพูดในงานได้แก่

  1. DirectX11 จาก Monavista
  2. Paint & Wordpad จาก Blognone (@markpeak)
  3. PowerShell จาก Blognone (@lewcpe)
  4. Wallpaper Feed จาก ThaiThinkPad (ผมเอง)
  5. สั่งให้ IE6,  IE7 และ IE8 ให้ทำงานได้บน Windows 7 ได้ทั้ง 3 ตัว จาก ThaiThinkPad (@9aum)

จริงๆ พี่ @9aum บอกว่า “ไมไม่มีใครพูดถึง libraries วะ” เออ จริงของพี่นะ ผมก็จะเลือก แต่คิดว่าคงมีคนพูดแล้ว แต่ไม่มี ! … มันเป็น killer feature เลยนะไอ้เจ้าตัวนี้เนี่ย …

สำหรับ Wallpaper Feed หรือผมเรียกในงานว่า “Wallpapercast” นั้นผมจะเขียนแยกไปอีก entry นึงเลยแล้วกันนะครับ ;)

งานนี้ถ้าใครได้ตามผมใน Twitter และในเว็บ ThaiThinkPad คงทราบดีว่าผมไปงาน Windows 7 Blogger Day Insider ผมพูดถึงน้องเมย์ ET สาวจาก Microsoft ครับ ;P รอบนี้น้องเค้ามาถ่ายรูปตอนผมได้รับรางวัลขวัญใจ commentator ด้วย ;P

(สองภาพด้านล่างต้องขอบคุณ @nuboat ที่ถ่ายภาพให้)

งานนี้ผมโดนเผาเต็มที่ตั้งแต่คุณ @lewcpe เรื่องดูรูปภาพที่ผมถ่ายรูปจาก twitpic จนจบงานเลยทีเดียว –_-‘ แต่ว่าคุณ @lewcpe อยากได้ภาพบอกผมได้ครับ เดี่ยว upload ให้เฉพาะเลย ไม่ต้องเขียน shell script มาดูดรูปใน twitpic ผมหรอกครับ ;P

DSC_7293

DSC_7294

หลังจากจบ Session ของ Blogger ไปแล้วก็มาถึงของทาง Microsoft บ้างครับ งานนี้เหมือนกับเค้าแบ่งกันได้ลงตัวดีครับ ให้ Blogger พูดกันคนละ 5 – 10 นาที รวมๆ กันแล้ว ชั่วโมงกว่าๆ แล้วก็พัก break กันแป็บนึง รอบนี้ทาง Microsoft สั่งไก่ KFC มา break มาเสริมให้พิชซ่าที่คาดว่าจะหมดแน่ๆ ;P

พอกลับมาจาก break ก็มาถึงเรื่องระบบ VHD (Virtual Hard Drive) ครับ เดี่ยวผมจะมาเล่าละเอียดๆ อีกทีน่าจะดีกว่า แถมต่อด้วยสาธิต Multi-Touch บน Windows 7 ผ่านเครื่อง HP ครับ น่าสนใจมาก ทาง Microsoft บอกว่า Windows 7 รองรับ Multi-Touch ได้มากกว่า 2 จุด และขึ้นอยู่กับ H/W ไม่ใช่ตัว Windows เอง (เห็น Windows 7 จะรองรับได้ 50 กว่าจุดมั้งถ้าจำไม่ผิด เท่าๆ กับ Microsoft Surface นั้นแหละ) และยังบอกอีกว่า App จะรองรับ Multi-Touch หรือไม่ขึ้นอยู่กับพัฒนาให้รองรับหรือเปล่าด้วยครับ โดยทาง Microsoft ยังกระซิบบอกมาอีกว่า ในอนาคตจะมีแผ่นฟิมพ์ติดหน้าจอที่ทำให้เราสามารถใช้จอภาพเดิมๆ ของเราใช้งาน Multi-Touch โดยติดแผ่นฟิมพ์นี้ลงไปแล้วต่อผ่าน USB Port แทน ซึ่งน่าสนใจมากๆ ต้องติดตามข่าวกันต่อไปครับ

และต่อมาก็เป็นเรื่องของฝั่ง Enterprise อย่าง Windows 2008 R2, Exchange Server 2010 ฯลฯ ครับ

DSC_7298 DSC_7304 

DSC_7297 DSC_7315 

พี่หลามแห่งรายการแบไต๋, พี่ฟูเกียรติ และพี่จีระวัฒน์

 DSC_7334 DSC_7336 DSC_7337

งานนี้เพื่อนๆ พี่ๆ สมาชิกจาก ThaiThinkPad ครับ จริงๆ มามากกว่านี้แต่มาให้ถ่ายรูปแค่นี่อ่ะ T_T

DSC_7333

แต่ที่แน่ ๆ ผมชอบภาพนี้มากๆ ;P …… Windows 7 on Macbook Pro

DSC_7323

ปิดท้ายด้วยรูป @joyz กับเสื้อ ThaiThinkPad ที่เอาไปให้เพื่อนๆ สมาชิกในงานด้วยครับ ;P

ตอนหน้าเจอกันใหม่กับ Wallpaper Feed, Backup/Restore และ VHD ครับผม ;)

DSC_7354