ว่าด้วยการซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อย่าง Microsoft Office 2007

หลังจากที่ผมเก็บเงินเพื่อซื้อ Microsoft Office 2007 มาได้ 4 เดือนกว่า ๆ เกือบ ๆ 5 เดือน วันนี้ผมก็ได้มาอยู่ในมือแล้วครับ

ในครั้งนี้ผมซื้อ Microsoft Office Small Business 2007 OEI (MLK/Medialess License Kit)

IMAG0283

แต่ก่อนอื่นก็ต้องอธิบายรูปแบบลิขสิทธิ์ของ Microsoft มีหลากหลายมากครับ จำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อน

รูปแบบของ Microsoft Office นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ

โดยผมนำมาจาก http://www.microsoft.com/thailand/licensing/ (และส่วนใหญ่ License ของ Microsoft จะเป็นแบบนี้ครับ) คือ

  1. FPP License (Full Package Product License) สิทธิการใช้งานแบบกล่อง เหมาะ สำหรับผู้ใช้ซอฟต์แวร์ในปริมาณน้อย เช่น การใช้งานส่วนบุคคล นิสิตนักศึกษา และองค์กรที่มี PC น้อยกว่า 5 เครื่อง
    http://www.microsoft.com/thailand/licensing/fpp.aspx
  2. OEM License (Original Equipment Manufacturer License) หรือ OEI License  (Original Equipment Industries License) เป็นสิทธิการใช้ซึ่งจำหน่ายให้กับผู้ผลิต และผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ สำหรับการติดตั้งไปพร้อมกับการ จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์
    http://www.microsoft.com/thailand/licensing/oem.aspx
  3. Volume License เป็นสิทธิการใช้งานสำหรับผู้ใช้ องค์กรที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์เป็น จำนวนมาก อาทิองค์กรเอกชน, สถาบันการศึกษา, หน่วยงานของรัฐ และองค์การสาธารณกุศล
    http://www.microsoft.com/thailand/licensing/volume.aspx

โดยผมซื้อเป็นแบบ OEM/OEI มาครับ รายละเอียดมีดังนี้

  • ซอฟต์แวร์แบบ OEM จะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง PC หรือเซิร์ฟเวอร์ที่จำหน่ายเท่านั้น
  • ไม่สามารถย้ายซอฟต์แวร์ OEM จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องอื่นได้ แม้จะไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการใช้ของซอฟต์แวร์แบบ OEM อาจถูกกำหนดใหม่ หากมีการซื้อ Software Assurance เพิ่มเติมภายใน 90 วันหลังจากการซื้อสิทธิแบบ OEM
  • ซอฟต์แวร์ถูกจำกัดการใช้ด้วย Product ID Key หรือผ่านการเปิดใช้ทางเว็บหรือทางโทรศัพท์
    (โดยปกติจะถูกเปิดใช้งานล่วงหน้าโดยผู้จัดทำระบบ)
  • สิทธิแบบ OEM อาจมี Software Assurance ที่ซื้อภายใต้โปรแกรม Volume Licensing
    "สิทธิการใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Desktop แบบเต็มจะจำหน่ายในรูปแบบ FPP หรือ OEM เท่านั้น โดยแบบ OEM จะมีราคาถูกกว่ามาก ส่วนโปรแกรม Volume License จะมีเฉพาะการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ Windows Desktop เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องมีสิทธิแบบ OEM หรือ FPP ของ Windows อยู่ก่อนแล้ว จึงจะสามารถอัพเกรดได้

ส่วนอื่น ๆ ก็อ่านเอาจากลิงค์ที่ให้ด้านบนครับ

โดยเมื่อสักปีที่แล้วได้ Microsoft มีการนำเสนอชุด Microsoft Office Home and Student 2007 ในราคาประมาณ 3,500 บาท ลงได้ 3 เครื่อง โดยด้านในประกอบด้วย Word, Excel, PowerPoint และ OneNote ซึ่งก็มีคนสนใจพอสมควร รวมถึงผมด้วย แต่พอศึกษา และสอบถามกับทาง Microsoft ก็ได้ความว่า ไม่สามารถนำไปใช้งานในเชิงธุรกิจได้ ใน EULA จะระบุไว้ชัดเลยครับในหัวข้อ Licensed Device ว่า

The software is not licensed for use in any commercial, non-profit, or revenue-generating business activities.

หรือสรุปคือไม่สามารถนำไปใช้ในเชิงก่อนให้เกิดผลกำไร, การค้า หรือนำไปใช้ในวงจรธุรกิจใด ๆ ได้ นั้นเองครับ นั้นหมายความว่าหมดสิทธิ์ครับสำหรับคนที่จะซื้อมาใช้ทำงาน เหมาะสำหรับใช้ตามบ้าน ให้น้อง ๆ หนู ๆ พิมพ์งานใช้ในเชิงการศึกษาในบ้านเรือนทั่วไปครับ ส่วนสถาบันการศึกษาก็มีลิขสิทธิ์เฉพาะด้วย ในชื่อ Academic License Edition (AE) ครับ

โดยตัว Microsoft Office Home and Student 2007  หรือ License ที่ใช้ด้านการศึกษาบน Title bar ของตัว Microsoft Office 2007 จะมีข้อความต่อท้ายว่า "non-commercial use" ครับ

image

รูปจาก http://www.uksmbgirl.co.uk/blog/archives/356

เรื่องราคาก็ตามรูปแบบของลิขสิทธิ์ที่ใช้งานตามบ้าน และสถาบันการศึกษาจะถูกหน่อย ตามด้วย OEM ที่แพงขึ้นมาหน่อย ต่อมาคือ FPP ที่แพงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว และ Volume ที่แพงที่สุด (แต่ก็มีบริการต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์มากกว่าลิขสิทธิ์แบบอื่น เช่นอัพเกรดในรุ่นใหม่ในราคาถูกกว่าเดิม หรือมีการส่งแผ่น update patch มาให้ ไม่ต้องไปโหลดจาก Internet ให้เสียเวลาเป็นต้น)

คราวนี้เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ;)

ผมซื้อมาในครั้งนี้มาเป็นซองกันกระแทกครับ บรรจุมาแบบนี้เลย

IMAG0326 IMAG0324

Read more

Hello World, Firefox 3.0

image

วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ จะมาบอกว่า Firefox 3.0 ออกแล้ว …….. มีเวลาถึง เที่ยงคืนนี้ (18 มิ.ย. 51) ที่จะทำสถิติโลกกันครับ โหลดกันเข้าไปครับ เอามาใช้กัน version นี้ใช้ภาษาไทยได้ดีมาก ๆ ตัดคำได้ดี ไม่มีหลุดครับ ;) render ออกมาได้สวยงามครับ

อยากรู้ความสามารถที่ใหม่ ๆ นี่มีอะไรบ้างที่ Blognone (ช่วยกันแนะนำความสามารถใหม่ใน Firefox 3) เปิดหัวข้อไว้แบบช่วยๆ กันหาครับ (แม้ว่าบนเว็บจะมีบอก แต่อยากให้หากัน อาจจะมีอะไรที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้แจ้งไว้)

Download Firefox 3

image

(ณ.เวลา 20:46 น. ของวันที่ 18 มิ.ย. 51)

ข้อมูลจาก  Firefox 3 downloads worldwide

ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่ซื้อเดือนนี้

ก่อนหน้านี้ซื้อ EditPlus มาตั้งแต่ปีโน้นแล้ว (ตอนอยู่มหาวิทยาลัยช่วงปี 3 มั้ง) และตอนนี้ใช้ Windows XP SP3 ที่เป็น OEM ติดมากับเครื่องรวมถึง Sonic RecordNow กับ InterVideo WinDVD ที่ OEM ลงมาให้กับ Notebook ด้วยแล้วก็แทบไม่ต้องลง Nero เลย

เดือนนี้เลยมีโควต้าในการซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์มาเสริมการทำงานอีก 3 ตัว คือ

  • Acronis True Image 11 Home – เอามาแทน EMC Retrospect Express HD 2.0 ที่แถมมากับ WD My Book ด้วย Performance ที่ไม่ไหว และการปรับแต่งที่ไม่ยืดหยุ่นเท่าไหร่ และยังทำไฟล์ tmp ของ svn หายอีก เลยเลิกใช้เลย เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีอย่างอื่นหายอีกหรือเปล่า โดยรวมที่ไม่ซื้อ Norton Ghost เพราะ Ghost ยุ่งกับเครื่องมากเกินไป (และเป็นธรรมชาติของ Software Norton ที่แม่งชอบเสือกกับ OS มากเกินไป) และช้ามาก ๆ แต่ Acronis กลับทำงานได้เร็วมาก จากที่ลองใช้ Trial และการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นกว่าเยอะมาก ๆ เลย
  • FastStone Capture – เป็น Lifetime License ซึ่งเพราะความสามารถที่ดีของมัน และเบาเครื่องมาก ๆ เลยซื้อเลยดีกว่างานนี้
  • CuteFTP 8 Professional – ใช้เป็น FTP Client หลักแทน FileZilla มาตั้งแต่ออก version 3 แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า FileZilla 3 มันไม่ encrypt ตัว sitemanager เห็น password โล่งโจ่ง รับไม่ได้อย่างแรง และใน forum ของ FileZilla ก็บอกว่าให้ใช้ encryption ของ OS แทน และไม่เห็นความจำเป็นของ encrypt ผมเลยเลิกใช้เลย แต่ที่ใช้ CuteFTP อีกอย่างด้วยเหตุผลเรื่องของ Feature อย่าง Sync Data และ Scripting Rule ต่าง ๆ รวมถึง Tab session ที่ทำงานต่าง ๆ ในหน้าต่างเดียว ฯลฯ

และปลายเดือนนี้ ESET NOD32 Antivirus ที่ซื้อ license ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว ปีนี้ปีที่ 4 ครับ เก็บตัง ๆ เดือนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงจะต่อให้ครบเลยครับ เหลืออีกไม่กี่ตัวก็ 100% Genuine Software แล้วครับ

ไม่ได้บ้าครับ แต่ใช้ของเค้าก็ต้องจ่ายเงิน ;)

Utility Software น่าสนใจ

วันนี้นั่งไล่ดู link ใน Bookmarks (Favorites@IE) พอดีว่าเราลืมเว็บที่รวม Utility ที่มักจะใช้ประจำไปเสียสนิทกว่า ครึ่งปี ก็คือ http://www.donationcoder.com/ ซึ่งเป็นเว็บที่มี Utility ต่าง ๆ ของ Microsoft Windows เยอะมาก ๆ และส่วนที่ชอที่สุดคือ 1 Hour Software by Skrommel ของ DonationCoder.com เป็น Software เล็ก ๆ ที่ Skrommel นั้นเขียนขึ้นบน AutoHotkey scripting language จากเว็บ AutoHotkey (AutoHotkey is a free, open-source utility for Windows)

ซึ่ง Utility ที่ผมใช้อยู่ตอนนี้ก็คือ DimSaver ซึ่งเป็นการ dim ตัวจอภาพให้ค่อย ๆ ลดการแสดงผลจากไปจนมืด (Fade-in black) จริง ๆ ผมว่าจะลองอีกหลาย ๆ ตัว หลายตัวน่าใจมาก ๆ เช่น DeskLock (ทำการ lock ตำแหน่งของ icon บน desktop), MoveInactiveWin (ย้ายหน้าต่างโปรแกรมโดยที่ไม่ต้อง active หน้าต่างนั้น), SingleInstance (ตั้งให้ Program บางตัวทำงานแค่ 1 ตัวเท่านั้น เช่น Calculator หรือ Notepad เป็นต้น) และ FadingTaskbar (ตั้งให้ Taskbar นั้น Fade-in/out ได้เมื่อเอา mouse over) เป็นต้น

โดยทั้งหมดนี่เห็นบอกว่าทำเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงทั้งนั้น เป็น Utility เล็ก ๆ ทำยามว่าง ตัว Software บางตัวอาจจะไม่ powerful เท่าไหร่ แต่ตอบโจทย์ที่ต้องการในยามที่อยากใช้ได้ดีเท่านั้นเอง ;) แต่ผมกลับชอบหลาย ๆ ตัว idea ดีมาก ๆ เลย จนบางครั้งก็คิดว่าทำไมไม่เห็น Microsoft มันทำให้ปรับแต่งแบบนี้บ้างนะ -_-‘

แต่ก็นะโลกของ open-source ถ้าไม่มีก็เขียนเองมันซะเลย ถ้าสิ่งที่มีอยู่มันไม่ได้ตอบโจทย์เรา เราก็ทำเองซะ ไม่ต้องรอคนอื่น เพราะคนอื่นก็อาจจะรอแบบเราเหมือนกัน แล้วโลกนี้จะเกิดสิ่งที่แตกต่างได้ยังไง ทำมันซะวันนี้เลยดีกว่า ;)

แสบๆ คันๆ !!! Bill Gates เยาะเย้ย Software เถื่อนเมืองไทย กระทบคนไทย โปรแกรมเมอร์ไทยและบริษัทไทยมากกว่า MS

แสบๆ คันๆ !!! Bill Gates เยาะเย้ย Software เถื่อนเมืองไทย กระทบคนไทย โปรแกรมเมอร์ไทยและบริษัทไทยมากกว่า MS

Ref : http://www.pantip.com/tech/developer/topic/DM1851552/DM1851552.html

ข่าวบางส่วนจากไทยรัฐ

ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ยังกล่าวถึงการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในไทยว่า ในส่วนของไมโครซอฟต์เห็นว่าซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้ลิดรอนรายได้ของบริษัทเท่าใดนัก หากเทียบกับยอดขายในภาพรวม อย่างในสหรัฐอเมริกานั้น บริษัทตั้งแต่ขนาดกลางถึงใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์เท่านั้น นอกจากนี้ไมโครซอฟต์ยังเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทั่วโลก มีรายได้จากการขายสินค้าให้ประเทศต่างๆ ที่จะได้รับผลกระทบจริงๆ น่าจะเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ในประเทศมากกว่า เพราะบริษัทเหล่านี้มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เป็นหลัก และส่วนใหญ่ขายในประเทศ


ขออนุญาตสรุป ที่ บิลเกตส์ บอกให้นะครับ

  1. ประเทศไทย ใช้ software microsoft เถื่อนทั้งประเทศ เขาก็ยังรวยอันดัน 1 ของโลก
  2. มันเป็นการฝึกวินัยผู้ใช้ และ ช่วยเหลือ นักพัฒนา software ของประเทศไทยเอง ว่าควรละอายใจและต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อ software บ้าง มิฉะนั้น อุตสาหกรรม software ในประเทศไม่เติบโตแน่นอน ไม่ต้องคิดไปแข่งในตลาดโลก

สรุป มองเหรียญให้มอง 2 ด้านนะครับ

  1. ราคาขายเพื่อสถานศึกษา หรือเพื่อการศึกษา องค์การเพื่อการกุศล หน่วยงารรัฐบาล รัฐบาลน่าจะเจรจา ซื้อ เหมาในราคาถูก ต่ำกว่า 50% จำนวนมากๆ เช่น 1 แสนชุด หรือ 1 ล้านชุด เป็นต้น
  2. รณรงค์ให้บริษัท หรือ องค์การที่มุ่งหวังผลกำไร ซื้อ software ของคนไทยให้มากขึ้น
  3. สร้างองค์กรอิสระ ที่ยินดีให้ความรู้ ด้านอุตสาหกรรม software ด้านเงินทุนสนับสนุน

เป็นความคิดเห็นที่อยากให้ อุตสาหกรรมนี้พัฒนา


ผมลืมตอบประเด็นกระทู้ ตอบสั้น ๆ ว่า..บิล เกตต์พูดถูกทุกอย่างครับ ผมตอบตามประสบการณ์ครับ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในประเทศไทย เชื่อไหมครับคุณ Haa ว่าโปรแกรมดี ๆ บ้านเรา อย่างแปลไทย อ่านไทย Nod32 ราคาประมาณ 200-250 บาทเท่านั้นเองครับ คนยังไม่ซื้อใช้กันเลย ไปซื้อแผ่นรวมโปรแกรมมาใช้ ถ้าผมเป็นโปรแกรมเมอร์ ผมไม่เอาละ แบบนี้

แต่ส่วนที่ผมพูดถึงเรื่องซอฟต์แวร์แห่งชาติ ผมไม่ได้พูดไปถึงการเขียนโปรแกรมนะครับ ผมแค่พูดถึง user ธรรมดา ๆ นี่แหละ อยากเห็นเราสร้างทางเลือก เพื่อลดต้นทุนในเรื่องลิขสิทธิ์ของประเทศเราเท่านั้นเอง ของฟรี มันก็ธรรมดาครับที่ประสิทธิภาพมันย่อมด้อยกว่า แต่ในลักษณะงานหลาย ๆ อย่าง ผมเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้อง MS เสมอไป ถ้ารัฐบาลให้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์แห่งชาติได้ บังคับให้นักเรียนใช้ได้ การละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยจะลดลงทันทีเลยไม่น้อยกว่า 50% อันไหนฟรีก็ฟรี อันไหนที่คนใช้เยอะ ก็ควรพัฒนาขึ้นมา ขายในราคาไม่แพงมาก

นี่เห็นด้วยกับตา Bill นะ จริงๆ ผมเป็นคนที่ชื่นชอบคนไอทีหลายๆ คนหนึ่งในนั้นก็ตา Bill เนี่ยหล่ะ หนังสือของเค้าก็ซื้อแทบทุกเล่ม ตา Dell หรือตา Jobs ก็หาๆ อยู่ ได้มุมมองในการทำธุรกิจด้านซอฟต์แวร์เยอะดี

จริงๆ คนไทย ส่วนมากเลย ไม่ได้มองซอฟต์แวร์เป็นสินค้าที่มีไว้ขายครับ แต่เป็นของแถมที่มันมากลับเครื่องมากกว่า คือตอนซื้อคอมฯ ก็ถามเลย มีอะไรให้มั้ง ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องที่คนซื้อเครื่องต้องเสียเงินอยู่แล้ว เพราะว่ามันเป็นแรงสมอง และสองมือในการทำ มันก็เหมือนผลงานของพนังงานขายของนั้นหล่ะ

แล้วร้านขายคอมฯ มันให้กันจนชินแล้วไง มันเลยกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ไป T_T

แล้วคนทำงานด้านซอฟต์แวร์เลยซวยครับ ซวยอย่างแรง เพราะว่าไม่มีใครอยากเสี่ยงทำซอฟต์แวร์กล่อง หรือขายเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อเอาชีิวิตรวยจากส่วนนี้ไง เพราะมันขายไม่ได้หรอก มันยากมากเลยหล่ะ แบบว่าเจอ 10 ซอฟต์แวร์ ใน 1 แผ่น ราคา 100 บาท เข้าไปคนทำซอฟต์ไทยก็อ้วกแล้ว เพราะว่าในนั้นมันคือซอฟต์แวร์ที่มีคุณสมบัติที่มันดีกว่า แต่มันละเมิดไง แถมราคาจริงๆ รวมกันทั้งหมดแล้วก็แพงมากด้วยเมื่อเทียบกับคนไทยทำเอง อีกอย่างเพราะว่าทำกันมานาน มันเลยดีกว่า แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่ ซอฟต์แวร์ไทยๆ มันจะเกิดหล่ะ ถ้าไม่มีการสร้างคุณสมบัติของซอฟต์แวร์ที่ดีๆ หรือมีก้าวแรกให้กับคนทำซอฟต์แวร์ไทย

หลายคนก็ดีนะ อุดหนุ่น แต่ ……. คือซื้อแท้มา 1 กล่อง แจกซะ 20 คน จบครับ จบ T_T แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาหล่ะ ไม่ชักชวนไปซื้อหล่ะครับ นี่เวลาแนะนำ Software AntiVirus ถ้าคนขอคำแนะนำมีตังหน่อยก็แนะนำ NOD32 ที่มีสิขสิทธิ์ไป ราคาก็ไม่แพง 249 บาทเอง หรือไม่ค่อยมีตังก็ Avast ไป ไม่ ใครจะมาขอ S/N Key ที่ผมซื้อแท้มา นี่ไม่ให้เลยครับ ให้ซื้อเอง นี่กำลังรอเก็บเงินซื้อ S/N Key ของ EditPlus อยู่เพราะว่าใ้ช้งานมันเยอะเหมือนกัน เลยว่าจะซื้อเสียหน่อย -_-”