ราคา HDD อาจแพงขึ้นกว่า 3 เท่า!!!

โรงงาน Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk อันดับหนึ่งของโลกส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% อยู่ในนิคมบางปะอินที่น้ำท่วม เป็นโรงงานที่ผลิต/ส่งออก Hard Disk ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีมูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านบาท ในไตรมาทสุดท้ายต้องสูญเสียกำลังการผลิตไปกว่า 26 ล้านยูนิตเลยทีเดียว

โรงงาน Toshiba Storage Device ที่อยู่นวนครก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุน้ำท่วม ทำให้ศูนย์เสียกำลังการผลิตไปเช่นกัน

ทางด้าน Seagate ผู้ผลิต Hard Disk อันดับสองของโลก แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงในตอนนี้เนืองจากโรงงานตั้งอยู่ที่สมุทรปราการ แต่ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อมในด้านชิ้นส่วนการผลิตบางตัวที่ต้องได้รับการจัดส่งจากโรงงานในนิคมที่น้ำท่วมไปก่อนหน้านี้

จากข่าวในส่วนของ Hard Disk ทำให้ซึ่งอาจทำให้ในช่วงสิ้นปีถึงปีหน้าต้องสูญเสียกำลังการผลิตจากทั้ง 3 ยี่ห้อไปกว่า 58 ล้านยูนิตเลยทีเดียว

ซึ่งหลายคนคงคิดว่าแค่ 3 ยี่ห้อนี้ที่ได้รับผลกระทบ แต่จริงๆ แล้วคุณทราบไหมว่า NIDEC (Thailand) เป็นผู้ผลิตมอเตอร์ขับจานเก็บข้อมูลใน HDD และมอเตอร์อื่นๆ ในอุปกรณ์หลายๆ ชนิด อย่างเช่นในกรณี HDD นั้นก็ส่งให้กับ Seagate, Toshiba, WD, Hitachi และยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมี Samsung เอี่ยวด้วย ซึ่งโรงงานนั้นจมน้ำอยู่ที่นวนคร!! ทำไมถึงได้รับผลกระทบ เพราะว่า Nidec นั้นผลิตมอเตอร์ป้อนให้กับผู้ผลิต HDD ให้กับยี่ห้อต่างๆ กว่า 70-80% ของกำลังการผลิตทั้งโลกนั้นเอง!!!!

จากการตรวจสอบราคา HDD ในตอนนนี้ เห็นราคาที่ขึ้นนั้น มันขึ้นยิ่งกว่าทองอีกครับ ขึ้นวันเดียว 400-700 ยิ่งรุ่นใหญ่บางรุ่นขึ้นที 1,700-2,000 กันเลย นี่คือราคาในประเทศไทย

สำหรับราคาต่างประเทศก็พุ่งแรงไม่แพ้กัน อย่างเช่น Western Digital Caviar Green 2TB 64MB Cache SATA 6.0Gb/s 3.5′ Internal Hard Drive นั้นราคา $229.99 ซึ่งขึ้นมากว่า 3 เท่า!!! (อ้างอิง http://bit.ly/rY7i3B)

อ่านรายละเอียดอย่างละเอียดได้ที่ http://www.erietvnews.com/story/15881236/storage-sticker-shock-why-thailand-floods-mean-pricier-hard-drives?clienttype=printable

สำหรับตอนนี้อุปกรณ์ไอทีทุกท่านเก็บรักษากันดีๆ หน่อยนะพี่น้อง อะไหล่มันหายาก เสียแล้วมันซ่อมลำบาก -_-“

ลองของแรง Express Card/34 for USB 3.0 ราคา 337 บาทกับ HDD Ext WD My Book USB 3.0

ก่อนเข้าเรื่องก็ดูลำดับความเร็วของ Port ต่างๆ ที่เรามักเจอๆ กันโดยทั่วไป (มันมีมากกว่านี้ แต่พวกนี้คือที่เราหาซื้อและใช้ๆ กันโดยทั่วไป) ตาม datasheet ว่ามันควรจะเร็วเท่าไหร่

  • Thunderbolt : 10Gb/s (1.2GB/sec)
  • Serial ATA (Gen 3 or SATA6) : 6Gb/s (714MB/sec)
  • SuperSpeed USB 3.0 : 5Gb/s (595MB/sec)
  • Serial ATA (Gen 2 or SATA3) : 3Gb/s (357MB/sec)
  • FireWire 800 (IEEE 1394b-2002) : 800 Mb/s (95.2MB/sec)
  • HighSpeed USB 2.0 : 480Mb/s (57.2MB/sec)
  • FireWire 400 (IEEE 1394-1995) : 400 Mb/s (47.6MB/sec)
  • USB Full Speed (USB 1.1) : 12 Mb/s (1.42MB/sec)
  • USB Low Speed (USB 1.0) : 1.5Mb/s (192 KB/sec)

ซึ่งเมื่อสัก 1-2 เดือนก่อนผมซื้อ WD My Book Essential External Hard Drives with USB 3.0 มา ก็ใช้ผ่าน USB 2.0 มาโดยตลอด ก็ยังไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่เมื่อเดือนที่แล้วซื้อ Lenovo ThinkPad T420 มา มี Express Card/34 มาให้ ซึ่งตัวเครื่องไม่ได้ใส่ USB 2.0 มา ก็เลยยังไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่ก็ยังได้ใช้ eSATA แทนผ่าน WD My Book Home Edition External Hard Drives ที่ตัวเองมีอยู่ 2 ตัว (มี 500GB และ 1TB อย่างละตัว) เอาไว้ทำงานบนนั้นได้ทันที ทำงานได้รวดเร็วดีครับ คือง่ายๆ มันเหมือนต่อ HDD ผ่าน SATA นั้นแหละครับ

พอใช้ๆ ไป เปิดๆ eBay ดูโน้นนี่ไปเรื่อยๆ (ทดสอบกิเลสตัวเอง) ก็ไปเจอเจ้านี่เข้า

IMG-20110823-00229

มันคือ Express Card 34 for USB 3.0 port with Fresco Logic FL1000 Series แน่นอนว่าตอนแรกก็เฉยๆ ดูราคาสักหน่อย ระบุไว้ 10USD นิดๆ แถม Free Shipping! งั้นจัดไปก่อน 1 ตัว ลองดูว่ามันจะแรงแค่ไหน คนส่งของเร็วหรือเปล่า (ส่งหรือเปล่าไม่ค่อยซีเรียส เพราะมันมีแนวทางในการอายัดอยู่)

IMG-20110823-00228

แล้วก็ได้มาเมื่อวานครับ ลองเสียบใส่และลง Driver ซึ่ง Windows 7 ไม่มี USB 3.0 Driver มาให้ ต้องลงเอง (หวังว่า Windows 7 SP2 จะใส่มาให้เลย) แล้วก็ลองทดสอบดูเทียบกับ eSATA

อย่างแรกผมก็ทดสอบความเร็วการส่งข้อมูลระหว่าง eSATA 3Gb/s และ WD My Book Home Edition External Hard Drives with eSATA 3Gb/s บนเครื่อง ThinkPad T420 ด้วย Windows 7 Ultimate 64 bit ก่อนแล้วกัน อันนี้เป็นพื้นๆ ไปเอาง่ายๆ

2011-08-24_005217

ความเร็วก็ตามมาตรฐานครับ HDD ต่อผ่าน eSATA มันก็ได้เท่าๆ กับ HDD Desktop 7200rpm โดยทั่วไปเลย

ต่อมาก็มาทดสอบความเร็วการส่งข้อมูลระหว่าง Express Card 34 for USB 3.0 port with Fresco Logic FL1000 Series (ราคา 339 บาท จาก eBay) และ WD My Book Essential External Hard Drives with USB 3.0 บนเครื่อง ThinkPad T420 ด้วย Windows 7 Ultimate 64 bit

2011-08-24_005833

จะเห็นว่าพอๆ กันดูจะช้าบ้าง เร็วบ้างสลับกัน แต่ที่แน่ๆ เอามาใช้งานได้พอๆ กัน!!! อืมมมม น่าสนใจ USB 3.0

หลายคนคงสงสัยว่า Data Rate เยอะๆ แบบนี้ ทำไมทำงานไม่ถึง ก็เพราะ HDD 7200rpm มันได้ Data Rate เต็มที่อยู่ช่วง 80MB/s – 120MB/s เท่านั้นแหละครับ ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องไปเล่น 10,000rpm ที่ราคาก็สูงขึ้นไปเยอะ เพราะฉะนั้น USB 3.0 ใน 1 port รองรับการต่อ HDD 7200rpm ได้อยู่ 3-4 ตัวในช่องเดียว เพราะธรรมชาติของ USB มันเป็นลักษณะ Share B/W ใน 1 port ครับ เพราะฉะนั้นการมี Data Rate ต่อช่องสูงๆ จึงจำเป็นมากในการใช้งานเชื่อมต่อแบบ HUB ซึ่งแตกต่างจาก USB 2.0 ที่มันส่งข้อมูลไม่ได้เต็มที่ ได้ประมาณครึ่งนึงของ Data Rate ของ HDD 7200rpm ต่อ 1 ตัวทำให้มี port USB 2.0 อยู่ 1 port ที่ต่อ HDD 7200rpm ก็แทบจะต่อแชร์กับ HDD ตัวที่ 2-3 ในการทำงานได้ยากด้วย

แต่ถ้าคุณเล่น SSD ตอนนี้ Data Rate ของ SSD นั้นส่งได้ที่เกือบๆ จะเต็ม USB 3.0 ไปแล้ว ที่ทดสอบกัน SSD แบบ SATA 6Gb/s (Gen 3) ส่งกันที่ 450Mb/s – 550MB/s แล้วครับ (ณ.วันที่ 24/8/2011)

ทำไมตอนนี้ Hard Drive ถึงมีพื้นที่ขายกันจำกัดแค่ 2TB

เป็นปัญหาที่หลายๆ คนคงนั่งงงว่า แค่เรื่อง RAM ใส่ลงไป 4GB ก็ดันใช้ได้แค่ 3-3.5GB ซึ่งประเด็นมันอยู่ที่ 32-bit OS มาคราวนี้ก็เอาอีก ไอ้เจ้า 32-bit OS เจ้าปัญหาที่ยังครองโลกอยู่นั้นดันมีปัญหากับขนาดพื้นที่ของสื่อเก็บข้อมูลอย่าง Hard Drive (ต่อไปเรียก HDD) เสียด้วย เพราะความต้องการของมนุษย์มันไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อก่อน 1TB เป็นสิ่งที่ทุกคนบอกว่าใช้ยังไงก็ไม่หมด แต่ในวันนี้สื่อต่างๆ วิ่งนำข้อมูลระดับ HD ที่ระดับ HD ปรกติและ Full HD และในอนาคตคงเจอ Super HD ทำให้สื่อที่ใช้ในการเก็บข้อมูลมันก็ใช้เยอะขึ้นเยอะขึ้นไปเรื่อยๆ มาวันนี้ 1TB ก็ชักจะไม่พอ 2TB ก็ดูจะเริ่มล้น แล้วมากกว่านั้นหล่ะ!!!

ตอนนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราๆ ใช้งานกันนั้นส่วนมากก็จะใช้ 32-bit OS อย่างเช่น Microsoft Windows XP, Microsoft Windows Vista และ Microsoft Windows 7 ซึ่งส่วนใหญ่ก็ขายกัน 32-bit กันเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาตอนนี้ที่เราเจอก็ข้อจำกัดของการใช้พื้นที่บน RAM ก็ยังรู้กันไม่ทั่ว ตอนนี้ก็เกิดข้อจำกัดในเรื่องของขนาดของพื้นที่ HDD เข้าไปอีก ตอนนี้ HDD ที่ขายก็เลยตันกันที่ 2TB เพราะตลาดส่วนใหญ่ซื้อไปใช้ก็ใช้กับ 32-bit OS กันเสียส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่ตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็อยากจะใช้งานมากกว่า  2TB ต่อ HDD 1 ตัว บน 32-bit OS แต่กลับทำไม่ได้!!!

เหตุผลเพราะ Logical Block Addressing ใน MBR partition table ของ HDD ใน 1 ตัว ถ้ามีจำนวน sectors สำหรับใช้อ้างอิงข้อมูลมากกว่า 4,294,967,296 sectors จะทำให้ 32-bit OS มองเห็นไม่ครบหรือเกิดการทำงานที่ผิดพลาด เป็นปัญหาเดียวกับ RAM เลยครับ ปัญหาของ RAM คือ 32-bit OS มองเห็น Memory Addrees ได้แค่ 4,294,967,296 bytes (2 ยกกำลัง 32) เช่นกัน จาก entry เก่าที่ แถลงไข CPU 64-bit แต่โชคยังดีหน่อยที่ 1 sectors ของ HDD โดยค่ามาตรฐานเท่ากับ 512 bytes ทำให้ต่อ 1 HDD ก็จะมองเห็นข้อมูลบน HDD ได้จำนวนข้อมูลคือ 4,294,967,296 sectors x 512 bytes = 2TB นั้นเอง

จริงๆ ปัญหามันยังไม่หมด เพราะใน HDD ความจุสูงเหล่านั้นยังอาจมีปัญหาการบูตกับ BIOS เก่าๆ ที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย!!!

สรุปง่ายๆ คือ
ข้อจำกัดของ 32-bit OS ใน RAM และ HDD
RAM = 4,294,967,296 bytes = ~4GB
HDD = 4,294,967,296 sectors x 512 bytes = ~2TB

แต่ 1 sectors อยากจะปรับเป็น 4Kbytes ก็ได้นะครับ เค้าเรียกว่าทำ Long LBA นั้นเอง เพื่อให้รองรับ 16TB แต่ไม่ใช่ทุกๆ OS จะรองรับ แน่นอนว่า Windows XP ใช้ไม่ได้!!! และทำงานช้ากว่าเดิม -_-‘ และมีความเสี่ยงสูงที่ทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นไปอีกจากกรณี bad sector ถ้าอยากใช้ HDD ต่อ 1 ตัวมีขนาดมากกว่า 2TB ก็รอให้ 64-bit OS มันมีส่วนแบ่งทางการตลาดเยอะๆ ก็คงได้เห็นกันเองครับ ตอนนี้ก็มี 3TB ขายนะครับ แต่ราคาก็ยังแพงอยู่และมีคำเตือนไว้ว่าใช้ได้กับ 64-bit OS เท่านั้นครับ

External Hard Drive ลาโลก !!!

ที่ลาโลกไปคือ Western Digital 320GB My Book Premium ES Edition 3.5" ที่ซื้อมาประมาณ 2 ปีกับอีก 3-4 เดือนมั้ง ซึ่งได้ลาโลกไปเมื่อวันที่ 23 มกราคม 53 ที่ผ่านมา ไม่ได้เขียนตอนนั้นเพราะยังเซง และทำใจเขียนไม่ได้สักทีซิน่า –_-‘

คือที่ผมใช้ External Hard Drive นี่ผมมี

  • Western Digital 320GB My Book Premium ES Edition 3.5"
  • Western Digital 500GB My Book Home Edition 3.5"
  • Western Digital 1TB My Book Home Edition 3.5"

ที่พังไปคือ Western Digital 320GB My Book Premium ES Edition 3.5" ตัวแรกนั้นครับ ซื้อตัวแรกก่อนชาวบ้านเค้า เลยพังก่อนชาวช้านเค้าเลย T_T

เหตุที่ทำไมผมถึงใช้ External Hard Drive เยอะ เพราะผมใช้ Hard Drive ตัวนี้ไปกับการ Backup ข้อมูลทุกๆ วันครับ โดยเฉพาะรูปและข้อมูลสำคัญพวกไฟล์งานผมจะมีการ Backup อย่างน้อย 1 copy เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย หรือเครื่อง Notebook โดนขโมยครับ อยางน้อยๆ ก็ยังเหลือข้อมูลที่จำเป็นไว้เสมอๆ ซึ่งไอ้วิธีแบบนี้เนี่ยแหละ งานหลายๆ อย่างของผมราบรื่นขึ้นเพราะมีวิธีนี้ ไฟล์หลายๆ อย่างผมเผลอลบ หรือแก้ไขไป ผมยังกลับมาห้องแล้วดึงข้อมูลเก่าของเมื่อวานกลับมาได้เสมอๆ ผมใช้แนวทางนี้มาหลายรอบ และช่วยผมหลายงานแล้ว

ส่วนอีกสองตัวนั้นผมจะเก็บรูปที่เป็นไฟล์ RAW ที่ถ่ายๆ มาทั้งหมดครับ แล้วมีพวกไฟล์งาน หนังต่างๆ ที่ผม Rip จากแผ่นที่ผมซื้อเก็บไว้อยู่ในนั้นเยอะพอสมควรเลยครับ เลยทำให้เก็บไฟล์เยอะใช้ได้เลย (มี SNSD MV อีกเกือบ 100GB ;P)

รูปเก่าลำลึกความหลังก่อน เดี่ยวจะเล่าให้ฟังว่าพังยังไง

P1040745[1] image

คือเมื่อวันที่ 23 มกราคม 53 ตอนเช้าๆ ผมก็ตื่นมาตามปรกตินั้นแหละ วันเสาร์สบายๆ ตื่นมางัวเงียเปิดจอ Notebook ก็ไม่ได้อะไร ดูที่ Task bar ผมว่าตัว Acronis True Image สำหรับ Backup มันขึ้น Error บอกว่ามัน copy ตัวไฟล์ไป Hard Drive ปลายทางไม่ได้ ผมก็เออ อาการเดิมมั้ง Hard Drive ดับ คือเจ้าตัวนี้มันเป็นบ่อยที่จู่ๆ มันก็ดับไปเองบางครั้ง แต่ว่าไม่ได้คิดอะไรคงประมาณว่า เออ มันส่งข้อมูลหรือมีอะไรผิดพลาดมั้งมันเลยดับไป แต่ทุก ๆ ครั้งมันก็เปิดติดกลับมาเช่นเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่แบบนั้น คราวนี้มันไม่ตื่น กดปุ่มเปิดมันก็ไม่ตื่น ทำยังไงก็ไม่ตื่น –_-‘ เฮ้ยย งานเข้าแล้วดิเรา เอาไงดีวะ ตอนนั้นอาการงัวเงียหายไป ทุกอย่างมาคุ บรรยากาศตรึงเครียดมาก แต่ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะตัวที่มีปัญหาผมเอามาใช้ Backup ข้อมูลเสียมากกว่า ดังนั้นข้อมูลด้านในจึงเป็นข้อมูลที่พังและเสียหายไปก็ไม่เสียดายเพราะมันมีตัวไฟล์ต้นฉบับอยู่ แต่ด้วยความที่คิดว่ามันน่าจะเสียที่แผงวงจรมากกว่า ผมเลยรีบจัดการธุระส่วนตัวและบึ่งออกจากห้องไปซื้อ Hard Drive Enclosure มาต่อทันที แล้วก็ทำการแกะตัว Hard Drive ออกมาครับ ไม่สนใจประกันใด ๆ ทั้งนั้น ช่างมัน ออกแนว “กูจะเอาข้อมูลเว้ย” เลยรีบกระชากซีลยางและแกะออกมาทุกอย่างก็เป็นตามภาพด้านล่าง

DSC_9138

แผงวงจรทุกอย่างโอเคครับ ไม่มีอะไรไหม้ ทุกอย่างดูดีมากๆ

DSC_9126

DSC_9135

แต่เจ้าตัวที่มีปัญหาคือ …. !!! …. T_T ….

Hard Drive Western Digital WD3200AAJS ครับ มันได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ (แต่ผมไม่สงบกับมันด้วย) เพราะต่อกับ Exclosure ก็ไม่ตื่น ทุกอย่างเงียบสนิท ไม่ยอมหมุนใดๆ ทั้งสิ้น T_T

DSC_9137

ตอนนี้สภาพของมันก็ยังกองอยู่ที่โต๊ะอย่างในภาพตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ แผงวงจรยังใช้งานได้ เพราะต่อกับ Hard Drive 2.5” ก็ยังทำงานได้ปรกติมากๆ แต่ตัว Hard Drive พังไปแล้ว ส่วนตัว Enclosure ตอนนี้ก็ยังกองอยู่ ไม่ได้ใช้อะไรอีก (เสียดายเงิน) รอเวลาและเงินไปซื้อ Hard Drive ตัวใหม่มาใส่แทน ตอนนี้เลยเหลือแต่  Western Digital 500GB My Book Home Edition 3.5" และWestern Digital 1TB My Book Home Edition 3.5" เท่านั้นเอง

งานนี้ทำให้ได้ข้อคิดว่าควรสำรองข้อมูลอยู่เสมอๆ ครับ และสังเกตอยู่ต่อเนื่องว่า External Hard Drive ของเราทำงานเป็นปรกติดีอยู่หรือไม่ด้วยครับ สุดท้ายมันน่าจะพังเพราะอะไรนี่ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เรื่องไฟกระชากของไม่ใช่แน่นอน เพราะผมต่อ External Hard Drive ผ่าน UPS ทุกตัวครับ ไม่มีอาการไฟกระชากแล้วทำให้มันพังแน่นอนครับ ;)

ไว้อาลัยกับมันอีกสักพัก T_T ….

ใครว่า H/D Notebook 7200rpm กินไฟกว่า 5400rpm !

สิ่งที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิดเสมอ ๆ คือการเปลี่ยน H/D Notebook จาก 5400rpm มาใช้ 7200rpm ทำให้เราสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นในช่วงที่เราใช้ Battery แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่ วันนี้เรามาดูกัน

P1090801a

ด้านบนเป็น H/D SATA Toshiba 100GB 5400rpm ที่แกะมาจาก Lenovo ThinkPad Z61t ใช้ไฟที่ DC+5V และใช้กระแสไฟที่ 1.0A

 P1000642

ด้านบนเป็น H/D Hitachi Travelstar PATA 40GB 4200rpm ที่แกะมาจาก IBM ThinkPad R40 ใช้ไฟที่ DC+5V และใช้กระแสไฟที่ 1.0A

 P1000840

ด้านบน Seagate Momemtus 5400.3 PATA ที่ซื้อมาใช้แทน H/D 40GB 4200rpm ของ ThinkPad R40 ตอนที่เรียนอยู่ใช้ไฟที่ DC+5V และกระแสไฟที่ 0.487A

image

(รูปจาก http://behavior.jp/index.php?e=716 ขี้เกียจแกะออกมาถ่ายรูป ;P )

ด้านบน Hitachi SATA 250GB 5400rpm (HTS542525K9SA00) ตัวนี้ใช้ DC+5V ใช้กระแสไฟ 0.7A ตัวนี้ซื้อมาแทนตัว H/D เก่าของ ThinkPad Z61t ที่เป็น Fujitsu 80GB 5400rpm  (ตัวนี้ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)

 DSC_5462

ตัวสุดท้ายนี้ WD Scorpio Black SATA 320 GB 7200rpm (WD3200BEKT) ตัวนี้ใช้ DC+5V ใช้กระแสไฟเพียง 0.55A เท่านั้น

จะเห็นว่าตัว H/D 7200rpm ของ WD Scorpio Black กินไฟน้อยกว่าอย่าง Hitachi SATA 250GB 5400rpm กว่า 20% ครับ คราวนี้เวลาดูว่า H/D ตัวไหนกินไฟ ไม่กินไฟ คงดูที่ rpm ไม่ได้แล้วครับ คงต้องดูใน Datasheet เอาอีกทีว่ามันกินไฟเท่าไหร่กันแน่ครับ ;)