Web Browser หลักที่ควรเอาไว้ทดสอบ Web Site ของเรา

มีคนถามมาว่าใช้อะไรทดสอบเว็บบ้าง สำหรับผมก็มีเท่านี้แหละ

  • Firefox 2 (Default and Debug)
  • IE 6 (on VPC 2007)
  • IE 7
  • Opera
  • Safari for Windows

รวมแล้วก็ 5 ตัว เวลาส่งงานจะได้สบายใจ และ user ของเว็บที่เราส่งงานไปเค้าจะได้ไม่ด่าเราตอนหลังว่าทำเว็บห่วย ๆ ไม่รองรับ web browser ที่เค้าใช้ ;)

จริง ๆ ยังมี Tools อีกหลายตัวที่เอาไว้ทดสอบเพิ่มเติมอย่าง The Proxomitron สำหรับลอง Monitor packet ของ HTTP หรือพวก Firebug เอาไว้ดูพวก error ในเว็บ (เป็น Extension ของ Firefox) เดี่ยวไว้ว่าง ๆ จะเอา review ครับ (จริง ๆ มีเว็บที่เค้า review อยู่หลายเว็บนา …… ลองหาก่อนก็ได้ หุๆๆ )

อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้อุปกรณ์ที่ต่อกับ USB Port แล้วใช้งานไม่ได้

ได้รับเมลมาว่า

    ขณะใช้งาน USB Device อย่าง H/D External ที่เอา H/D Notebook มาใส่กล่อง แล้ว copy ไฟล์ขนาดใหญ่ หรือใช้งานหนัก ๆ ก็ค้างไปเฉย เกิดเพราะอะไร ? หรือบางครั้งเสียบ H/D External หน้าเครื่องแล้วเปิดไม่ขึ้นแต่พอไปเสียบหลังเครื่องกลับใช้งานได้ปกติ ควรแก้ปัญหายังไง

ดูจากคำถามแล้วเนี่ย ต้องบอกก่อนว่าตามสเป็คของ USB 1.0 – 2.0 ที่อยู่ที่เครื่อง computer จะจ่ายไฟที่ 5 V (volts) และ 100 mA ถึง 500 mA ต่อ 1 port ครับ ขึ้นอยู่กับว่าต่อผ่าน USB Hub/Front Panel หรือต่อโดยตรงกับที่ M/B แต่ถ้าคุณใช้ USB Hub แบบไม่มีแหล่งจ่ายไฟ มาต่อแยกทุก port จะลดลงเหลือแค่ port ละ 100mA (เมื่อต่อครบทุก port) หรือ 400mA (เมื่อต่อเพียงแค่ 1 port) แต่ถ้าซื้อ USB Hub แบบมีแหล่งจ่ายไฟจะได้แรงดันไฟฟ้าที่ 500mA ต่อ 1 port เท่ากับต่อที่ computer ครับ

ซึ่งกระแสไฟที่ส่วนใหญ่ H/D External ต้องการคือ 500mA (เต็มที่ของการจ่ายกระแสไฟของ USB port เลย) ถ้าต่ำกว่านั้นอาจจะมีปัญหาได้ครับ ส่วนพวก Flash Drive ต่าง ๆ ที่ขาย ๆ กันจะต้องการกระแสไฟอยู่ที่ 100mA – 200mA โดยทั่วไปครับ (ส่วนใหญ่จะ 100mA) บางครั้งการต่อไม่ติดเนี่ย ก็เกิดจากกระแสไฟที่จ่ายมาให้กับอุปกรณ์ไม่เพียงพอครับ

[เพิ่มเติมสำหรับ iPod]

บางครั้งใน iPod เนี่ย เราสามารถเอา USB Hub ที่มีแหล่งจากไฟมาใช้ชาร์จไฟได้เหมือนกับชาร์จไฟจากคอมพิวเตอร์เลย (เป็นทั้งที่ชาร์จไฟ และ USB Hub ไปในตัวเสียเลย)

จากรูปด้านล่างผมนั้นผมซื้อ USB Hub ที่มีแหล่งจ่ายไฟมาต่อเป็น adapter สำหรับ change ไฟให้กับ iPod จากไฟบ้านครับ (ในรูปราคา 790 บาทครับ)

เวลาดูอุปกรณ์สำหรับเอามาชาร์จกับ iPod เนี่ยต้องรู้ก่อนว่า iPod นั้นต้องการกระแสไฟฟ้าเท่าไหร่ ซึ่งใน iPod นั้นกระแสไฟในการประจุไฟต้องไม่ต่ำกว่า 400mA ครับซึ่งร่วมถึงการใช้งานตามปกติด้วย (เช่นการส่งข้อมูลไฟล์ต่าง ๆ ) โดย adapter นั้นแนะนำว่าไม่ควรเกิน 500mA (จริง ๆ เกินได้ครับเพราะแบตฯ li-ion นั้นการประจุไฟแบบกระแสไฟไม่ใช่ความต่างศักดิ์ แต่การใช้กระแสไฟมากเกินไปอาจทำให้แบตฯ li-ion ใน iPod ร้อนเกินไปครับ) และความต่างศักดิ์ต้องอยู่ระหว่าง 4.75–5.25 V. ครับ

อ้างอิงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/USB

[Update] HighLight Dictionary ตัวใหม่ (V.2.50)

จาก 

ร่วมโปรโมตร : HighLight Dictionary (โปรแกรม ดิกชั่นนารี อังกฤษ ->ไทย ที่มีคำศัพท์ มากกว่า แสนคำ)

ผมได้รับอีเมลจะผู้พัฒนาโดยตรงเมื่อเช้านี้ ผมจึงนำมาแนะนำต่อครับ ;) ตอนนี้ก็ใช้อยู่สะดวกดีครับ

แนะนำไฮไลต์ดิกชั่นนารี

ไฮไลต์ดิกชั่นนารีเป็นพจนานุกรมอิเล็คทรอนิกส์ อังกฤษ-ไทย และ ไทย – อังกฤษ มีคลังข้อมูลบรรจุคำศัพท์จากพจนานุกรมอิเล็คทรอนิกส์ ถึง 3 เล่ม รวมกันกว่า 180,000 รายการ สมบูรณ์แบบด้วย ความหมาย , ประเภทของคำศัพท์ , คำย่อ , คำพ้องเสียง , คำเหมือน , คำไกล้เคียง , คำตรงข้าม, ตัวอย่างประโยค เป็นต้น

จุดเด่นหลักของไฮไลต์ดิกชั่นนารี คือความสามารถในการรับคำศัพท์เพื่อแปล โดยจะใช้การลากไฮไลต์ (Drag Mouse) คำศัพท์ที่ต้องการแล้วกดปุ่ม Windows Key + X , ปุ่มตรงกลางของเมาท์ หรือปุ่มอื่น ๆ ตามที่ตั้งค่าไว้ ไฮไลต์ดิกชั่นนารีจะแปลและแสดงผลโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณไม่ต้องพิมพ์คำศัพท์ใหม่ หรือก๊อปปี้คำศัพท์แล้วมาวางในโปรแกรมอีกครั้ง

ไฮไลต์ดิกชั่นนารีสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมต่าง ๆ ได้ เช่น MS® Internet Explorer®, MS® Office, Adobe® Acrobat และอื่น ๆ อีกมากมาย เพียงแค่ลากไฮไลต์ (Drag Mouse) และกดปุ่มฮ๊อตคีย์ตามที่ค่าไว้ เพียงแค่นี้ไฮไลต์ดิกชั่นนารีจะแปล และแสดงความหมายของคำศัพท์นั้น ๆ ทันที


คุณสมบัติและฟังก์ชั่น (เวอร์ชั่น 2.50) 

  • เพิ่มฐานข้อมูลคำศัพท์ภาษาไทย-อังกฤษ กว่า 35,000 คำ รวมทั้งหมด(อังกฤษ-ไทย และ ไทย – อังกฤษ) กว่า 180,000 รายการ
  • สามารถอ่านออกเสียงคำศัพท์ และตั้งค่ารูปแบบเสียงได้ (TTS : Text to Speech Technology)
  • เคลื่อนย้ายหน้าต่างตามตำแหน่งเมาท์ได้
  • เปลี่ยนหน้าตาใหม่ (borderless)
  • สามารถรับคำศัพท์โดยใช้การลากไฮไลต์ (Drag Mouse) คำศัพท์ที่ต้องการแล้ว
  • กดปุ่ม Windows Key + X หรือ Alt+X (สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีปุ่ม Windows Key)ได้
  • สามารถรับคำศัพท์โดยใช้การลากไฮไลต์ (Drag Mouse) คำศัพท์ที่ต้องการแล้วกด
  • ปุ่มตรงกลางของเมาท์ ได้ (คุณสมบัตินี้ซับพอร์ตเฉพาะเมาท์ที่มีปุ่มตรงกลางหรือเป็นลูกล้อเท่านั้น)
  • สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่าง ๆ เช่น MS® Internet Explorer®, MS® Office, Adobe® Acrobat หรือโปรแกรมอื่น ๆ อีกมากมายได้ โดยคำศัพท์ที่จะแปลนั้นต้องใช้เมาท์ลากไฮไลต์ (Drag Mouse) ,คลิ๊กขวา และสั่งก๊อปปี้ได้
  • สามารถพิมพ์คำศัพท์ และกดปุ่ม Enter เพื่อค้นหาความหมายแบบปรกติได้
  • สามารถเลือกแบบตัวอักษร (Font) รวมถึงตั้งขนาด (Size) ในการแสดงผลได้
  • สามารถเลือกเปิดโปรแกรมอัตโนมัติเมื่อปิดเครื่องได้
  • สามารถตั้งค่าคำแนะนำการตัดอักขระท้ายคำอัตโนมัติเมื่อตรวจพบได้
  • สามารถแสดง สี/เน้นคำ ในส่วนของคำแปล เพื่อให้อ่านได้ง่ายยิ่งขึ้นได้
  • สามารถตั้งค่าเพื่อให้ ทูลทิปส์ แสดงคำเปลเมื่อเม้าท์ชี้ในช่องแสดงความหมายได้
  • สามารถคลิ๊กแปลแบบต่อเนื่องได้ (เฉพาะภาษาอังกฤษ)
  • สามารถแสดงรายการคำศัพท์ที่เคยค้นหาก่อนหน้านี้ (history) ได้
  • สามารถแสดงคำศัพท์อื่น ๆ ที่ไกล้เคียงได้
  • สามารถขยาย/ย่อ/ล๊อก หน้าต่างได้

รายละเอียดเพิ่มเติม : http://nextproject.net/dictionary

download : http://nextproject.net/dictionary/download.aspx

มีข้อผิดพลาดในการใช้งานก็แจ้งให้กับผู้พัฒนาทราบบ้างนะครับ ผมว่าน่าจะช่วยให้การพัฒนาตัวโปรแกรมนั้นมีเสถียรภาพมากขึ้นครับ

ภาษาไทยใน iPod

เรื่องภาษาไทยใน iPod นี่ผมเซงมานานแล้ว จริงๆ ผมก็บ่นๆ ไปหลายกระทู้ใน Siampod.com ว่าถ้าภาษาไทยใน iPod ยังไม่ได้แบบ native จาก Apple นี่คงไม่ได้ซื้อเครื่องต่อไป (จริง ๆ ก็ไม่ได้ซื้อเองหรอก แต่ว่าคนจ่ายเงินก็ควรได้ในสิ่งที่ควรได้จริงแมะ) ใช้เครื่องเดิมไปก่อน หรือถ้ามีอันเป็นไปจริง ๆ (หลังจากหมดประกัน) จะซื้อ Zune ประชด Apple ให้ดู (ถ้ามันอ่านไทยได้ด้วยนะ, แต่ถ้าไม่ได้อีกก็หายี่ห้ออื่นที่มันอ่านไทยได้แล้วกัน เยอะแยะไป) ไม่รู้ดิ เราก็ลูกค้าเหมือนกัน จะบอกว่าประเทศเราเป็นพวกชนกลุ่มน้อย มียอดขายต่ำกว่าชาวบ้านเค้า นั้นมันเรื่องของบริษัทนำเข้าหรือฝ่าย marketing หรือเปล่า คุณทำการตลาดให้เค้าไม่ได้ แล้วลูกค้าไปซื้อเครื่องหิ้วเอง จนยอดขายมันไม่ดี อันนี้โทษใคร ? ผู้บริโภคเหรอ บ้าแงะ คุณ service ไม่ดี แถมแพงอีกใครเค้าจะซื้อ ราคาแบบพอยอมรับได้กับ service ดี ๆ มันก็น่าสนใจ แล้วเงินที่จ่ายไปมันไม่เท่ากับคนซื้อที่อเมริกาหรือไง -_-‘ ก็เงินเท่ากัน ทำไมจะทำให้ไม่ได้ ไม่เข้าใจ แล้ว Apple Thailand มันทำบ้าอะไรอยู่ force มันเข้าไปดิ user ที่ใช้ ๆ กันนี่ต้องช่วยเหลือตัวเองกันตลอดไม่เห็นหัว Apple Thailand จะสนใจเลย แถมต้องมาเสียเงิน up Thai อีก เพื่อ ??? แทนที่คุณจะเสียเงินจ้างคนทำ Thai สำหรับศ.บริการ ผมว่าคุณเอาเงินนั้นน่ะ ซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับ thai/usa ดีกว่ามั้ง แล้วเดินไปบอกที่โน้นเลย มันง่ายกว่าไหม หรือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียในค่า commission ในการ up Thai หรือไง ?

ซึ่งผมคิดว่ายังคงคิดเหมือนเดิมว่า เงินเราที่จ่ายไปก็เท่ากับเงินคนที่ซื้อฝั่ง usa นะ แต่ทำไมเราต้องมาเสียแรงมากกว่าเค้าทั้ง ๆ ที่มันน่าจะ "Just Work" ตาม concept ของ Apple นี่หว่า T_T จริงไหม I’m a PC เฮ้ยยย I’m a Mac

ปล. ความคิดเห็นนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Siampod.com กรุณาอย่าเหมารวมครับ
ปล2. รมณ์ขึ้นระดับจุดเดือด เฮ้อ…. พูดเรื่องภาษาไทยใน iPod ทีไรของขึ้นทุกทีซิ

ตามไปอ่านต่อในกระทู้ http://www.siampod.com/node/1924 ได้ครับ หรือลงชื่อเรียกร้องได้ที่ www.tosupportthaiinipod.com ครับ

สละชีพเพื่อหน้าที่, อย่าน้อย ๆ ก็รู้ว่าได้ทำ ;)

หลังจากที่เริ่มทำงานจริง ๆ จัง ๆ (อย่างที่บ่น ๆ ใน blog ไปก่อนหน้านั้น) ก็เริ่มเข้าที่แล้ว ถึงจะมีงานที่เร่ง ๆ บ้างในการจัดการฐานข้อมูลและ  tuning ระบบ แต่โดยรวมถือว่าทำงานได้ราบรื่นดี สิ่งหนึ่งที่ได้แง่คิดจากการทำงานคือ

"ถ้าโดนไล่ออกเพราะเราไปมีปัญหาขัดแย้งกับคน เพียงเพราะเราไม่ยอมละทิ้งกฎของงานที่เราตั้งไว้ ยังดีกว่าเราละทิ้งกฎของงานที่ตั้งไว้และทำเพียงเพื่อรักษาความมั่นคงในงานของเรา อย่างน้อย ๆ ก็ยืดอกออกจากบริษัท และบอกกับคนทั้งโลกได้ว่า เราปกป้องกฎและระบบงานของเราอย่างเต็มที่แล้วนั้นเอง"

ทุกวันนี้ถ้ามีใครมาให้เราละทิ้งกฎก็บอกมันไปเลยว่า "ผมไม่ยอมให้ระบบล่มง่าย ๆ เพียงเพื่อสนองความต้องการเพียงส่วนน้อย" หรืออีเมลมาก็ตอกกลับไปว่า "I don’t break my system policy for take care your web application only." จบข่าวหน้าหงายไป แหมจะให้มันซัดทรัพยากรของระบบคนเดียวไม่ได้หรอก

แล้วจะอยู่ครบโปรไหมเนี่ยตรู -_-‘

อีกอย่าง อย่าคิดว่าฝรั่งมันทำงานดีไปเสียหมด นี่เจอกับตัวทิ้งขี้ให้ชาวบ้านแก้เพียบ -_-‘ ต้องมานั่งบอกมันให้มันแก้ แถมตอนนี้มันก็ยังไม่แก้อีก เฮ้อ …… เส้นมันใหญ่ ได้แต่ทำใจ
ปล. ทำงานตอนนี้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะ ด้วยความที่ภาษาอังกฤษนี่อ่านพอจับใจความได้ แต่เรื่องฟังและพูดนี่ยังห่วยแตก ส่วนเรื่องพิมพ์ส่งอีเมลและรายงาน ก็พอได้ แต่ก็โดนติง ๆ ว่าผิดบ่อย ตอนนี้เลยพยายามปรับ ๆ อยู่ -_-‘ พยายามกันต่อไป

ทิ้งท้ายสุด ๆ ข้อคิดดี ๆ จากการ์ตูนเรื่อง GODHAND TERU ใน KC.Weekly ฉบับวันพุธที่ 22 สิงหาคม 50, Vol 727

"การทำไม่ได้น่ะ ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก แต่การปล่อยให้ทำไม่ได้ต่อไปเรื่อย ๆ ต่างหากที่น่าอาย"

คล้าย ๆ กับ "เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ" เลยหล่ะ

ใครที่คิดว่าทำไม่ได้ ๆ ก็พยายามกันหน่อย ถ้าพยายามแล้วไม่ได้จริง ๆ ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ที่มันนอกเหนือจากสิ่งที่เราควบคุมได้ ก็คิดซะว่าเรารู้วิธีในการทำแล้วผลที่ให้มันล้มเหลวแล้วกัน อย่าน้อย ๆ ก็รู้ว่าได้ทำ