เลิกใช้ µTorrent อย่าเป็นทางการ และหันมาใช้ Deluge แทน

เหตุผลคือ มันเป็น open source ทำให้มีการตรวจสอบโค้ดได้หน่อยว่ามันมีอะไรแอบไว้ไหม คือตอน µTorrent ก็ที โดนเอามาขุด bitcoin เล่นเอาเครื่องอืดไปเลย

โดยตัว Deluge มันรันแบบ Daemon และ CLI ได้ทำให้มันทำงานบนพวก Linux/Unix ที่ทำงานแบบ shell ล้วนๆ ได้สบายๆ ทำให้ตอนนี้เอามาทำงานบน raspberry pi ได้เหลือๆ

ซึ่งการที่มันแย่งส่วน Daemon ออกมา ทำให้มันทำงานแยกส่วนกันระหว่าง Daemon และ GUI ทำให้เราสั่งโหลดทิ้งไว้บน Daemon แล้วปิด GUI ไปได้เลย ทำให้กิน CPU/RAM น้อยกว่า แถม Daemon รันแบบ remote ได้ ทำให้เราสั่งงาน Daemon ต่างๆ ผ่านเครื่องอื่นๆ ได้ด้วย GUI

ทำให้ในตอนนี้ทดสอบใช้งานอยู่ด้วยการตั้งโหลดบน raspberry pi แล้ว mount NAS มาทำเป็น NFS (CIFS) เสร็จแล้วสั่งงานแบบ remote ให้ไปเซฟที่ NAS แทนบน local drive ก็ทำงานได้ดีงามมาก

2015-05-02_222006

SD Card slot inteface ของ Raspberry Pi ความเร็วสูงสุดที่รองรับเพียง 22MB/s

อยากทำให้ Raspberry Pi  มันอ่านเขียนเร็วขึ้น ก็เลยไปจัด Sandisk Ultra SDHC Class 10, 16GB speed 30MB/s (200x) กับ  Sandisk Extreme SDHC UDS-I Class 10, 16GB speed 80MB/s (533x) มาใช้งานบน Raspberry Pi ลองดูว่ามันจะเร็วขึ้นไหม

* Sandisk Ultra SDHC Class 10, 16GB ตอนนี้ราคาประมาณ 500 บาท ส่วน Sandisk Extreme SDHC UDS-I Class 10, 16GB ราคาตอนนี้ประมาณ 1,300 บาท ห่างกันพอสมครร

1233367_10151838452185275_2132138028_n

ผลสรุปคือว่ามันตันที่ SD Slot inteface ที่ทำได้ไม่เกิน 22MB/s อ่านได้ประมาณ 19-22MB/s เขียนได้ที่ 17-20MB/s ซื้อตัวแพงกว่ามาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะทั้งสองตัวทำผลการทดสอบได้เกือบจะเท่ากันในทุกการทดสอบ ในบางการทดสอบ Sandisk Ultra ทำได้ดีกว่าบางครั้ง สรุปมันก็ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ต้องไปซื้อแพงกว่ามาใช้หรอก มันได้ผลเท่ากันเลย เสียดายตัง ><“

command ref:
Write dd if=/dev/zero of=test.tmp bs=500K count=1024
Read hdparm -Tt /dev/mmcblk0

WP_20130922_20_53_53_Pro