ย้ายเครื่องกับ LINE ก็ยังเจอปัญหาเดิม ๆ

เรื่องปัญหา LINE ที่เวลาย้ายเครื่อง หรือ ย้าย platform แล้วข้อความ รูป หรือ contact หาย มันไม่ควรเกิดขึ้นในปี 2021 แล้วหรือเปล่า แอปแชทแบบทั่วไป (ไม่ใช่ e2e chat) เค้าแก้ไขมันได้ไปตั้งนานแล้ว

อย่ามาบอกว่า มันก็มี function ชื่อ auto backup นะ เพราะอันนั้นไม่ใช่ทางแก้ มันแค่ปะผุ แถมเวลาย้ายข้าม platform ก็ไม่ได้ด้วย เพราะ android ก็ backup ลง google drive ส่วน ios ก็ไปไว้บน icloud แล้วตอนย้ายสลับกันก็เรียกข้อมูลข้าม cloud storage provider ไม่ได้ (ไม่รู้ใครมันคิด)

ส่วนตัวเปลี่ยนเครื่อง หรือย้าย platform ไปมาบ่อย iOS/Android นี่ปรกติมาก มีไอ้ LINE เนี่ยมีปัญหาสุด

ทางแก้ส่วนตัวตอนนี้คือ หากติดต่อผ่าน LINE ข้อความ-รูปภาพ ผมพร้อมทิ้งเสมอ หรือจำเป็นจริงๆ จะพยายามให้ใช้อีเมลอีกทางให้ได้มากที่สุด หรือ capture ข้อความที่จำเป็นไว้ (เคสสำคัญจริงๆ เพราะมันรก)

สิ่งที่ชวนคิดคือ เราจะอยู่กับแอปที่จัดการความสามารถพื้นฐานได้แย่ แล้วก็อยู่กับการแสดงผลโฆษณา และอ่านข่าว clickbait ในแอปไปแบบนี้จริงๆ เหรอ?

เพิ่มทางเลือกในการใช้แอพแชทที่ชื่อ Telegram

ผมใช้ Telegram มานานแล้วหลายปีแล้ว ช่วงแรกค่อนข้างเหงาเหมือนกัน เพราะคนใช้น้อยพอสมควร แต่หลังๆ เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะความรวดเร็วในการส่งข้อมูลที่ดีเยี่ยม และตัวแอพที่มีความเบาใช้ทรัพยากรของเครื่องที่น้อย ไม่มีโฆษณาให้รก ประกอบกับข้อมูลการแนะนำในต่างประเทศเรื่องความปลอดภัยในการส่งข้อความที่มีการเข้ารหัส ซึ่งเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งที่แอพตัวนี้โฆษณาไว้

แต่ก็มีข้อมูลโต้แย้งต่อกระบวนการเข้ารหัสที่อาจจะมีปัญหา เพราะใช้กระบวนการเข้ารหัสของตัวเองที่ชื่อ MTProto ซึ่งเป็นกระบวนการเข้ารหัสเฉพาะที่มี paper ว่ายังไม่ใช่ IND-CCA secure อ่านได้ที่ Is Telegram secure?

และเมื่อวันก่อน (วันที่ 11 มีนาคม 2559) เกิดเหตุการณ์ LINE ล่มไป ก็เลยเขียนอะไรเล่นๆ ช่วงหลัง LINE ล่ม (หรือกำลังล่มอยู่ก็ไม่แน่ใจ เพราะช่วงเวลาพอๆ กัน) เป็นหัวข้อๆ ไว้บน twitter เกี่ยวกับการชักชวนคนมาเล่น Telegram โดยข้อความเหล่านั้นพยายามเขียนให้คนอ่านเข้าใจง่ายๆ บางอันก็เขียนผิดไปไกล เลยคิดว่าควรเขียน blog สรุป และเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วนที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม เพราะใน facebook ส่วนตัว ก็เขียนแก้ไขที่ผิดพลาดไปหลายครั้ง พร้อมๆ กับเพิ่มเติมเนื้อหาที่มากกว่าบน twitter ไปหลายส่วนด้วย โดยจุดประสงค์หลักตอนเขียนเนื้อหาข้างต้นคือ ต้องการให้เพิ่มช่องทางการติดต่อทางเลือกเพิ่มเติม สำหรับคนที่ไม่ทราบ และอย่างน้อยๆ ความสามารถบางอย่างของ Telegram ก็พอจะใช้ทดแทน LINE ได้บางส่วนด้วย

Q: Telegram มีข้อเด่นต่างจาก LINE ตรงไหน?

A:

  • ไม่มีโฆษณาภายในแอพ และมีระบบจัดการข้อความเก่าที่มีประสิทธิภาพในการลบข้อความเก่าที่เก่าเกินไปออก และหากต้องการอ่านค่อยโหลดกลับมาใหม่ในภายหลังได้ ทำให้ตัวแอปโหลดไวกว่ามาก และการลงใช้งานร่วมกับ LINE นั้นทำได้ไม่ยากนัก และไม่ทำให้หนักเครื่อง
  • มี sticker ฟรี หรือสร้าง sticker ใช้เองได้อิสระ โดยตัวผู้ใช้งาน (ขั้นตอนการสร้าง sticker หรือ ที่นี่)
  • มี theme ให้ใช้ฟรี หรือสร้างเองก็ทำได้
  • รองรับ GIF ส่งภาพเคลื่อนไหวได้ตามสมัยนิยม ตัวอย่างการใช้ เช่น save ภาพ GIF บน facebook แล้วมาส่งต่อในนี้แล้วเคลื่อนไหวได้ (ปี 2019 ตอนนี้ LINE รองรับแล้ว แต่ก็ยังคงเหนือกว่าตรง GIF บน Telegram สามารถบันทึกและส่งใหม่ในภายหลังได้ผ่าน GIF History)
  • มี Web UI ให้สามารถเข้าไปใช้งานได้ โดยไม่ต้องลง Desktop App หรือต้องใช้งานผ่านมือถือเพียงเครื่องเดียว
  • ใช้ account เดียวเล่นได้ทุก devices ไม่แยก tablet กับ mobile ไม่ต้องจำ account เยอะ ใช้ได้ทั้งเบอร์โทรศัพท์และ username
  • ตั้งค่าปกปิด Last seen ได้ด้วย (อ้างอิง FAQ)
  • มีสถานะการรับข้อความว่าส่งถึง server และ คอนปลายทางเปิดอ่านหรือยัง (อ้างอิง FAQ)
  • มี API ที่เราสามารถทำ chat bot ตอบรับอัตโนมัติได้
  • ถ้าใช้โหมดคุยแบบปรกติ (Cloud Chats ทั้ง Private Chat และ Groups Chat) ย้ายเครื่องข้อความไม่หาย และทุกเครื่อง sync ข้อความล่าสุดให้ด้วย จะใช้การเข้ารหัสแบบ Server-client encryption ซึ่งคนทั้งกลุ่มถูกแชร์คีย์สำหรับถอดรหัสไว้
  • ในส่วนของ Groups Chat เราสามารถแชร์ไฟล์ระหว่างบุคคลภายในกลุ่มได้ (Shared Media)
  • ถ้าใช้โหมดคุยแบบ Secret Chat จะเป็นการส่งข้อความแบบ end-to-end encryption กล่าวคือ จะมีการเข้ารหัสข้อความจากเครื่องที่ส่ง และไปถอดรหัสข้อความที่เครื่องปลายทาง โดยข้อความที่เข้ารหัสนั้นจะยังผ่าน server กลาง โดยสามารถตั้งเวลาทำลายตัวเองของข้อความต่างๆ ได้  โดยมีแจ้งด้วยว่าปลายทางกำลัง take screenshot เก็บไว้หรือไม่ แต่หากย้ายเครื่องหรือลงแอพใหม่ข้อความจะหายทั้งหมด
  • มีส่วนของ Channel สำหรับทำการส่งข้อความแบบ Broadcast messages ทั้งแบบ public และ private (invite link) ช่วยในการกระจายข่าวสารสำคัญได้ทันทีภายใต้ชื่อ Channel นั้นๆ
  • ไม่มี Timeline ที่เป็นแนว Social Network อยู่ภายในแอพ โดยส่วนตัวมองว่าเป็นข้อเสียทีทำให้แอพทำงานช้า แต่บางคนอาจจะมองว่า มันไม่ใช่แอพแชทแบบปรกติทั่วไป แต่มันกลายเป็น Social Network ไปแล้ว ก็คงเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตและความชอบแต่ละบุคคลไป
  • ในด้านการ log in ใช้งาน ค่าเริ่มต้นนั้นใช้เพียงเบอร์โทรศัพท์ และข้อความที่เป็น OTP เพียงอย่างเดียว ก็ได้ แต่หากต้องการเพิ่มความปลอดภัย ก็สามารถเพิ่มรหัสผ่าน (cloud password) เพื่อยกระดับความปลอดภัยจากการใช้ OTP เพียงอย่างเดียวก็ทำได้ (แนะนำให้ทำทั้งสองอย่างเพื่อความปลอดภัยสูงสุด)
  • ตั้งค่าจำนวนเดือนให้ระบบลบบัญชีอัตโนมัติได้ โดยนับจากวันที่ไม่ได้เข้าใช้งานล่าสุด

ส่วนที่แตกต่างจาก LINE บางส่วนที่ควรทราบก่อนเริ่มใช้งาน

  • รูปแบบการใช้งานของตัวแอพจะเป็นแนวคิด text-messaging replacement  (SMS) คือคนที่สามารถส่งข้อความหาเราได้คือคนที่รู้หมายเลขโทรศัพท์ หรือ username ของเรา ซึ่งแตกต่างจาก LINE, Facebook หรือ BBM ที่เราสามารถ accepted/rejected คนที่แอดเราเข้าเป็น friends (แต่สามารถตั้ง blocked ได้)โดยเบอร์โทรศัพท์ สามารถเลือกที่จะซ่อนไม่ให้เห็นได้ โดยผ่าน security & privacy
  • เมื่อสมัครแล้ว มันจะส่งข้อความ <username> joned Telegram ไปยังเบอร์ภายในเครื่องเราว่าเราใช้ Telegram แล้ว มาคุยกันได้
  • ไม่มีวิดีโอแชท หรือโทรศัพท์คุยกัน มีแต่ส่งข้อความเสียงสั้นๆ เท่านั้น หากนำมาคุยกันเป็นตัวอักษรจะเหมาะกว่า
  • ยังมีความแตกต่างบางส่วนระหว่างแอพบน iOS และ Android อยู่ (รวมไปถึง platform อื่นๆ) อาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติม

ของแถม บางคนอยากได้แอพแชทที่คุยกันเป็นกลุ่ม หรือแอพแชทที่มีความสามารถในการโทรศัพท์แบบเข้ารหัสแบบ end-to-end encryption ขอแนะนำ Signal (ชื่อเดิมคือ TextSecure และ RedPhone) โดยมันเป็น text-messaging replacement  (SMS) เช่นเดียวกับ Telegram แต่ความสามารถแฟนซีน้อยกว่ามาก ทำได้แค่ส่งข้อความ ส่งรูปภาพ ตั้งกลุ่มคุย และโทรศัพท์ ซึ่งเหมาะกับคนที่ซีเรียสเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเป็นตัวที่ Edward Snowden แนะนำและเค้ายังใช้งานแอพตัวนี้อยู่ด้วย

จากทั้งหมดที่กล่าวมา ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องเชิงเทคนิค และความสามารถ แอพแชทที่ติดตั้งคุ้มค่าที่จะใช้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับจะมีคนคุยด้วยหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงต้องอาศัยเวลา รวมไปถึงกลุ่มเพื่อนๆ ของแต่ละบุคคลว่าจะปรับเปลี่ยนมาใช้งานหรือไม่ ก็หวังว่าหากสนใจแอพตัวนี้แล้วจะชักชวนกันมาใช้เพื่อได้ลองแอพแชทเบาๆ ไว้คุยกัน (ส่ง sticker และส่ง GIF ได้ด้วย)

สุดท้าย แม้จะมีช่องทางติดต่อที่หลากหลาย หากติดต่องานสำคัญ ผมยังคงเชื่อว่าควรใช้อีเมลเป็นหลัก หรือหากต้องการติดต่อด่วนก็ควรใช้โทรศัพท์พูดคุยกันแทน เพราะได้คุยและตอบโต้ได้ทันที โดยหลังจากโทรศัพท์แล้วก็อีเมลสรุปอีกครั้ง เพราะในงานสำคัญทำอะไรต้องมีหลักฐานเป็นเอกสารชัด และแม้ว่า Telegram จะเป็นช่องทางในการติดต่อที่ดีอีกช่องทางหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง เราควรมีช่องทางติดต่อหลายๆ ช่องทาง เพราะบางคนใช้แอพแชทแค่ LINE สำหรับติดต่อสื่อสารอย่างเดียว ซึ่งเวลาล่ม (ตามที่บอกไปข้างต้น) มันทำให้การติดต่อชะงัก ได้ เช่นอาจจะใช้ LINE เป็นหลัก แต่มี Telegram, Singal, SMS, โทรศัพท์ และแอพแชทอื่นๆ เป็นช่องทางติดต่อสำรองเผื่อไว้ด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวใช้ Telegram และ Signal เป็นหลัก เพื่อนๆ รอบตัวใช้กัน เลยสบายหน่อย ส่วนในตอนนี้ ก็ใช้ LINE ในวงจำกัด และ leave ออกกลุ่มที่ไม่เกี่ยวทั้งหมดออกมา เพราะแอพโหลดช้า และมีพวก Bloatware ต่างๆ เยอะจนรู้สึกว่า หลายๆ อย่างเกินความจำเป็น

เปิดใช้ความสามารถ Letter Sealing ในแอพ LINE บน iOS เพื่อเข้ารหัสข้อความจากปลายทางถึงปลายทาง ช่วยป้องกันการดักอ่านข้อมูล

จากข่าว LINE เปิดฟีเจอร์ Letter Sealing เข้ารหัสแบบ End-to-End แล้ว เป็นความพยายามเพิ่มความเป็นส่วนตัวของการคุยกันของลูกค้าจากทาง LINE ซึ่งในขณะนี้สามารถเข้ารหัสข้อความแบบคุยกัน 1 ต่อ 1 หรือแชร์ตำแหน่งระหว่างกันได้แล้ว โดยเป็นการเข้ารหัสข้อความจากปลายทางถึงปลายทาง (End-To-End, E2EE) ช่วยป้องกันการดักอ่านข้อมูล หรือการเปิดอ่านข้อความจากฝั่งผู้ให้บริการเอง โดยข้อความที่คุยกันจะอ่านได้เพียงเครื่องที่ส่ง และเครื่องที่รับข้อความเพียงเท่านั้น

สำหรับคนที่ใช้ iOS ความสามารถนี้ต้องมาเปิดเอง ซึ่งการเปิดใช้งานก็ไม่ได้ยากอะไร

1. ไปที่ Settings ของแอพ LINE

2. ไปที่ Chats & Voice Calls

2015-10-13 16.07.10c 2015-10-13 16.07.05

3. ทำการเปิดการใช้งาน Letter Sealing ผ่านตัวเลือก

โดยจะมีข้อความเตือนว่า ข้อความพรีวิวที่ Notification จะไม่สามารถแสดงผลได้ ซึ่งก็เข้าใจได้ในเชิงความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ….

2015-10-13 16.06.50 2015-10-13 16.07.17