การปรับตัว

หายไปกว่า 2 อาทิตย์ เพราะต้องเข้าฝึกงาน ซึ่งก็จากตอนที่แล้วคงรู้กันหมดแล้วว่าฝึกงานที่ไหน ;)

ต่างที่ ต่างถิ่น ต่างความคุ้นเคย ทำให้รู้สึกตัวเองดู เหงา ๆ แต่เพราะมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเก่ง เราก็ควรจะปรับตัวให้เข้ากับอะไร ๆ ให้มากขึ้น และก็เช่นกัน ก็ควรจะปรับตัวกับแนวคิด ใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีิวิตด้วย (แต่ที่แน่ ๆ หอพักที่อยู่ตอนนี้มันไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ เหมือนหอเก่าที่มหาวิทยาลัย ทำให้จ้ากกก ทุกครั้งที่อาบน้ำ T_T)

เมื่อมาถึง สิ่งแรกคือได้เข้าฟังการสอนของพี่เดฟ แค่ช่วงเวลา สั้น ๆ ก็ได้แนวคิดมากมาย ถึงแม้บางอย่างเรารู้แล้ว แต่บางอย่างก็ไม่รู้ แต่เมื่อเราเอามาเชื่อมโยงกับสิ่งที่รู้มาก่อน มันก็ทำให้เรามองอะไรชัดขึ้นอีกเยอะ ซึ่งตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ ก็ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็พวกการเริ่มหันมาสนใจภาษาพวก Functional Programming มากขึ้น ลองเล่น Haskell แล้วนำแนวคิด ต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกับ Imperative Language มาศึกษาดู ตอนนี้ก็เกือบอาทิตย์แล้วก็เริ่มมองภาพชัดเจนมากขึ้น ซึ่ง Functional Programming นั้น เรามักจะมีให้เห็นบ้างในภาษา SQL (SQL เป็นภาษาที่คุณลักษณะทั้ง object-oriented, functional และ procedural) และแนวคิดใน Functional Programming ก็เอาไปร่วมกับการทำ Lexical/Semantic Analysis ใน Compilers วิชานี้ก็เรียนมาและทำให้เข้าใจได้เลยว่าการทำ Compilers มันยากแสนยากยังไง แค่ทำให้มันบวกกันตามลำดับชั้นการคำนวณก็มึนแล้ว แถมตอนสอบให้มีการดัก if-else และนอกรอบก็ลองทำ loop ต่าง ๆ ดู สนุกสนานกันไป -_-‘

แต่ที่เด็ดโคตร ๆ คือการเอา Haskell มาอธิบายวิชา Data Structure ซึ่งเขียนได้สั้น, กระชับ และเข้าใจได้ง่าย ในเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งช็อคกันหลาย ๆ อย่างที่สุด…. มากเพราะบางอย่างที่เราเขียนในภาษา C โดยใช้เวลาเขียนยาว ๆ และใช้เวลานาน กลับใช้เวลาสั้นอย่างน่าใจหายใน Haskell ซึ่งเป็นภาษา Functional Programming ทำให้เราได้แนวคิดมาตอบโจทย์ หลาย ๆ อย่างได้เยอะดี ท่าทางต้องศึกษากันต่อไป

ต่อมาก็ตามด้วยศึกษาภาษา Ruby ซึ่งก็ไม่ยาก เพราะได้อิทธิพลมาจาก Python ซึ่งก็เคยทำ e-book มาก่อนหน้านี้แล้ว (หาใน blog นี้ไม่น่าจะยากนะครับ) ซึ่งจากที่ได้ลองเรียนรู้รูปแบบภาษาแบบคราว ๆ ก็ถือว่าเป็นภาษาที่เรียบง่าย อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเขียนนิยาย และตรงไปตรงมา และที่ชอบที่สุดคือมันเป็น Dynamic Typing ซึ่งทำให้อะไร ๆ มันพัฒนาได้ง่ายมาก ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าผมเขียนโปรแกรมมิ่งได้สนุกเพราะ PHP ที่เป็นภาษา Dynamic Typing ทำให้เราใส่ไอเดียต่าง ๆ ลงไปแทนที่เราต้องมาคิดว่า Type มันจะถูกต้องหรือเปล่า ถึงแม้ว่าผมเรียนรู้การเขียนโปรแกรมจากภาษา c ก็ตาม แต่มันก็ทำให้ผมเข้าใจว่าการที่เราทำง่าย ๆ นั้น ทำให้เราสนุกกับการเขียนโปรแกรมมากขึ้นเยอะ โดยจากไล่ ๆ ดูตัวภาษา Ruby แล้วก็ทำความเข้าใจอะไร ๆ ไม่ยาก แล้วก็พยายามศึกษา Rails Framework ในแบบเส้นขนานกันไป ทำให้การสร้าง Web Application ต่าง ๆ นั้น ๆ ง่ายขึ้นมาก ๆ งานที่เราต้องทำอะไร ๆ นาน กลับทำได้ง่าย ๆ ภายในเวลาไม่นาน ซึ่งมันถือเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก ๆ เลย ซึ่งคาดว่าจะเอามาใช้แทน PHP ในการพัฒนา Web Application ในอนาคตนี้แน่นอน (หา Web Hosting ให้ได้ก่อน ตอนนี้ -_-‘)

Project ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว !!! ฮ่าๆๆๆๆ

เกือบ  ๆ 6 วันที่ไม่ได้อัพ blog เพราะนั่งปั่น Project 2 งานภายใน 1 อาทิตย์ แทบไม่ได้นอนเท่าไหร่ ทำเว็บ E-Commerce ด้วย JSP ภายในเวลา 4 วัน ด้วยการเอาโค้ดจากหนังสือมาดัดแปลงใหม่ ให้มันดีขึ้น ซึ่งโค้ดในหนังสือนี่ต้องบอกตรง ๆ ว่าห่วยแตกมาก performance ต่ำสุด ๆ แต่ทำไงได้ต้องดันตัวระบบให้เสร็จสิ้น เลยต้องยอมขัดตา ขัดใจตัวเอง ทำให้มันจบ ๆ ไปก่อน ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำให้มันดี แต่เรามีคนที่พ่วงท้ายในกลุ่มอีกกว่า 10 ชีวิต เลย ต้องทำอะไรอย่างงั้นไป ซึ่งไม่อยากทำเลยจริง ๆ ให้ตายซิ แต่ที่ถือว่า ok หน่อย คือ E-Commerce ด้วย PHP และทำงานบน PHP Framework ที่ตัวเองเขียนซึ่งอันนี้ภูมิใจในระบบภายในมาก เพราะ performance ดีในระดับสูง โดยที่ถ้าเขียน model และ controller ดี ๆ จะใช้ query process แค่ 4-5 query เท่านั้น ก็ทำงานได้เท่ากับ 10 query ในแบบเดิม ๆ ซึ่งมันเป็นส่วนที่ได้จากการที่เราเขียนแบบ MVC ที่แบ่งการทำงานได้้ ทำให้มันลดเรื่อง query ลงไปได้นั้นเอง เพราะบางงานเราไม่จำเป็นต้อง query ข้อมูลทุก ๆ ครั้งที่ต้องแสดงผล เราอาจจะเอาข้อมูลที่ใช้บ่อย ๆ และเป็นระดับ public ทั่วไป มาใส่ใน cache แล้วลด query ได้เยอะ ซึ่งน่าจะเหมาะกับเว็บอย่าง E-Commerce ที่มีการแสดงผลข้อมูลบางอย่างซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งมักกิน query เยอะในส่วนนั้น น่าจะช่วยลดเรื่องนี้ได้มาก แต่ระบบที่ส่งไปนั้นระบบ GUI ถือว่า ok แต่ปัญหาคือความดึงดูดในการออกแบบเว็บที่ไม่ดีเท่าไหร่ คือ GUI ดี แต่หน้าตาไม่ได้เรื่อง งง แมะเนี่ย -_-‘

ตอนนี้เลยส่งไปหมดแล้ว สอบก็เสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ขนของที่หอพักที่ ม.นเรศวร กลับมาบ้านที่นครสวรรค์และ กำลังหาหอที่นครปฐมเพื่อไปฝึกงานต่อกับพี่เดฟ (rawitat’s blog) ที่สถาบันวิจัยฯที่ ม.ศิลปากร ต่อไป ตอนนี้คาดว่าน่าจะได้หอแล้ว รอเพื่อนยืนยันว่าหอนั้นมีห้องว่างให้เราซุกหัวนอนไปอีก 4 เดือนในการฝึกงาน ตอนนี้เลยต้องเคลียร์งาน TA กับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก่อน เพราะค้างงานตรวจการบ้านของนิสิตที่เป็น TA อยู่ วันนี้คงลุยงานให้เสร็จทั้งหมด แล้วส่งงานให้อาจารย์ท่านไป จะได้เตรียมของขนไปที่หอพักในวันเสาร์นี้ ……… หวังว่าหอที่เราจะซุกหัวนอน มันว่างทีเหอะ …….. จะได้ไม่ต้องหาใหม่อีก เพราะบางที่ราคาค่าเช่าต่อเดือนแพงเหลือเกิน T_T

แล้วตอนนี้ blog ก็ upgrade เป็น WordPress 2.1 แล้วระบบโดยรวมก็ ok นะ ไม่มีปัญหาภาษาไทยเหมือนหลาย ๆ คนที่เป็นกัน แปลกดี อ่ะ ;)

[update 1] ตอนนี้ blog ผมเอา JavaScript LightBox ออก เพราะมันใช้งานกับ IE7 ไม่ได้ แล้วปรับรูปที่ใช้กับ LightBox ด้วยให้มันขึ้นหน้าใหม่แทน

[update 2] วันนี้ ไปซื้อ DVD แฟนฉัน ตอนมันลดราคา 209 บาท พอดีว่าตอนเข้าโรงภาพยนต์ก็ไม่ได้ดู ตอนที่มันออก DVD ก็ไม่มีเวลาซื้อ ตอนนี้เลยมีโอกาสได้ซื้อเสียที แถมพ่วงด้วย CD เพลง The Eagles The Compete Greatest Hits และ JoJo The High Road Special Thailand Edition วันนี้หมดไปเกือบพัน T_T

อยากเรียนภาษาญี่ปุ่น

วันนี้ไม่มีอะไรมาก นั่งพักผ่อนจากทำ Project ส่งอาจารย์มาวันเต็ม ๆ แต่ในหัวมีแต่ Project เต็มไปหมด ประมาณว่ากายพักแต่หัวสมองมันเพ้อ ตอนนี้กำลังจะอ้วกเป็นภาษา PHP, SQL, JavaScript, CSS, Java (Servlet/JSP) และ XHTML โอ้ยยยยย มึน Project มันตีกันทั้ง PHP และ Java (Servlet/JSP) ไม่รู้จะทันไหมเนี่ย คาดว่าเจ้า Java นี่ต้องเอา Code คนอื่นมาแปลง แล้วทำส่วน Addon ลงไปให้มันเป็น MVC เพราะงานนี้คงไม่ทำเอง ให้เพื่อนทำ ไม่รู้จะได้แค่ไหน -_-‘ ส่วนงานตัวเองนีน่ PHP เน้น ๆ ซึ่งใช้ Framework ที่บ่น ๆ มาหลายรอบว่ามันกำลังไปได้ดี ซึ่งที่เข้ามาก็แค่บ่นเท่านั้น แล้วตอนนี้อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นนะตอนนี้ หนังสือปรัชญาหลายๆ เล่มดีๆ นี่ญี่ปุ่นทั้งนั้น ตามด้วยเพลงญี่ปุ่นที่ตัวเองชอบนั้นก็น่าสนใจในการฟังให้ได้ใจความ มากกว่าฟังแต่แต่อารมณ์เพลงและทำนอง อืมมม น่าคิดเดี่ยวให้แฟนสอนดีกว่า ฮ่า …..

นั่งดู Concert UTADA UNITED 2006 ของ Utada Hikaru ต่อดีกว่า คนอะไรน่ารักเป็นบ้า

มีดที่แม่ทำครัวก็ไม่ต่างกับมีดที่มาตรกรฆ่าคน

จั่วหัวแบบนี้ อาจะแปลก ๆ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิด แต่ที่ผิดมากกว่าคือมาตรการการจำกัดสิทธิ ที่เหมือนกับการห้ามขายมีด เพราะมีมาตรกรบางคนไปฆ่าคน แล้วเหมือนกับโยนความผิดไปให้มีด ทั้ง ๆ ที่มีดมันก็แค่อุปกรณ์ แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็นขาวหรือดำ คือ "มนุษย์" จริง ๆ ใน blog ผมก็พูดหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับ "มนุษย์" ที่ทำให้มันไม่ดีเองอย่าง เกมส์ฆ่าคุณได้ ? เป็นต้น ซึ่ง ผมว่ามันก็ไม่ต่างกัน การป้องกันที่ดีมันต้องไปแก้ที่คน จะบอกว่ามันยากที่จะเยียวยา ผมมองว่าถ้าเราไม่เริ่มแก้ แล้วปลายทางมันควรจะอยู่ตรงไหน เหมือนกับเรื่องคลิปวีดีโอฉาว ต่าง ๆ ก็ไม่ต่างกัน จะให้เลิกขายโทรศัพท์ที่ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอไปเลยไหม หรือว่าเลือกขายกล้องถ่ายวีดิโอไปเลย -_-‘ ตรรกะมันก็ไม่ต่างกัน แต่เหมือนกับเลือกปฎิบัติอ่ะ แถมการประโคมข่าวก็ยังช่วยโปรโมตรอีกต่างหาก คราวนี้คนไม่รู้ได้รู้กันทั่วหน้า เฮ้อ ….. เซง ตรรกะแบบสองมาตรฐานจริง ๆ

แล้วในกรณีที่โด่งดังอย่าง Camfrog นี่ การไล่จับเจ้าของ Server นี่มันก็ไม่ใช่ที่ เพราะใครจะมานั่งดูว่ามีใครโชว์ ถึงแม้ว่าไอ้เจ้าของห้อง หรือเจ้าของ Server มันจะเชียร์ให้ถอด กันทุก ๆ 5 นาที หรือ 10 วิ ก็ตาม แต่ถ้าคนมันไม่ถอดอ่ะ มันก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องสมยอมทั้งผู้ดูและผู้โชว์ ถึงแม้มันจะเข้าจ่ายอนาจารในที่ชุมชน -_-‘ (หรือเปล่า) ซึ่งชุมชนในที่นี้คือชุมชนในอินเตอร์เน็ต ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับที่แน่นอน แต่อาจจะโดยเรื่องแพร่กระจายสื่อลามก ก็ว่ากันไป แต่ปัญหาก็คือควรจะไปเอาผิดคนโชว์ ไม่ใช่เจ้าของ เหมือนกับกรณีรูปหลุดที่อื้อฉาวของดาราบางคน ที่ดันไปโพสในเว็บ Pantip.com ซึ่งความซวยก็มาเยือนเจ้าของเว็บอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยสมาชิกเอามาโพส ซึ่งอยู่ดี ๆ เจ้าของเว็บก็ต้องมาเสียเงินจ้างทนายให้เสียเงินซะงั้น โดยในกรณีต่าง ๆ นี้ส่วนใหญ่เจ้าของก็มักจะพยายามจบและห้ามปรามอยู่ก่อนแล้วด้วยซ้ำ แล้วกรณีแบบนี้ควรมีกฎหมายรองรับ และน่าจะดูความผิดที่ตัวบุคคลที่จำเพาะผู้กระทำ ไม่ใช่ผู้ให้บริการ ซึ่งผมมองว่าต่อไปถ้ามีคนฟ้อง ISP ฐานที่ร่วมเผยแพร่เว็บลามก หล่ะจะทำไง ก็ในเมื่อมันเข้าได้จาก ISP นั้น ๆ นิ จริงแมะ …..

อย่างที่บอกนั้นแหละ ผมว่าแก้ปัญหา และการเอาผิดควรทำให้มันเข้าถึงคนผิดจริง ๆ ไม่ใช่หาแพะมารับผิดหรือโดยกล่าวหา แบบว่า หน้าคนโดนกล่าวหายัง งงๆ ว่า "ผิดด้วยเหรอ" -_-‘ เฮ้อ …

ทำไมทำ PHP Framework เองหล่ะ ? คำถามโดนใจ และอยากตอบยาว ๆ

พอดีว่าเมื่อวาน เพื่อนฟิวส์ถามว่า

"ทำไมทำ PHP Framework เองหล่ะ"

วันนี้เลยมาตอบแบบยาว ๆ เสียหน่อย

คือในตอนแรกเริ่มเดิมทีเนี่ย ผมก็เขียน Class ต่าง ๆ ใช้งานเองอยู่มากมาย ทั้ง Class สำหรับ Query ฐานข้อมูล MySQL หรือ Class วันที่อย่าง thai_datetime ที่รองรับวันที่ภาษาไทย และปี พ.ศ. โดยรวมก็รู้สึกว่าทำงานกับพวกนี้สะดวกขึ้นมาก โยน Object ไปๆ มาๆ ง่ายและง่ายเสร็จเร็ว

แต่พอมาระยะหลัง ๆ งานที่ได้รับมันเป็นงานที่เกี่ยวกับข้อมูลจำนวนมาก ๆ การทำแบบนั้นสิ้นเปลื้องทรัพยากรอย่างมาก และบางครั้งเกิดความซ้ำซ้อน และโค้ดโปรแกรมรกอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการที่ผมเริ่มเขียน PHP แบบรวมไฟล์เดียว คือ process ทุกอย่างจะทำงานภายใต้ index ไฟล์ ทำให้การลาก if-else ของหน้าต่าง ๆ มันยาว และยุ่งยาก เลยนั่งคิดว่าจะทำยังไงดี

คราวนี้คิดออกว่าเราทำไม ไม่ทำการอ้างอิงหน้าแบบ Class ไป Method เสียเลยหล่ะ (ในตอนต่อไปขอเรียก Class ว่า Model) คือเมื่อ เขียนโปรแกรมต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอะไรก็เรียก Model และตามด้วย Method ที่ต้องการ

ตัวอย่างเช่น

ต้องการอ่านข่าว id ที่ 1234 ระบบก็ไปเรียก Model "News" และ Method "Show" โดยส่ง id "1234" เข้าไปใน Method แล้วเมื่อได้ข้อมูลแล้วก็แสดงผลออกมา

ตอนแรกก็กะทำแค่นั้น แต่ไป ๆ มา ๆ มันเข้าเค้า MVC เว้ย เลยศึกษา RoR อยู่พักนึง เลยเข้าใจเลยว่าไอ้ที่จะทำเนี่ยมันคล้าย ๆ กัน เลยจัดการดัดแปลงแนวคิดใหม่ จากการที่จะเรียก Model ตรง ๆ เป็น ไปเรียก Method ของ Controller (Controller-Method) แทน แล้ว Controller-Method จะไปเรียกใช้ Model และ Method ที่เกี่ยวข้องทั้ง ๆ มาใช้งาน ซึ่งคราวนี้ Model มีอิสระต่อการเรียกใช้ข้อมูลของฐานข้อมูลมากขึ้น สามารถปรับแต่งและแก้ไขคำสั่ง SQL ได้ตามต้องการ โดยการจัดการข้อมูลในฐานข้อมูลต้องสอดคล้องกับความหมายของ Model นั้น ๆ เมื่อ Controller-Method สั่งให้ Model ทำงานเสร็จแล้ว Model จะทำการบันทึกสถานะที่จำเป็นในการแสดงผลใส่ลง Observer-Data (ตัวตรวจจับข้อมูลที่ต้องการ) ไปยัง View ให้ View จัดการแสดงผลข้อมูลตามที่ Controller-Method สั่งมาอีกที แล้วเจ้า View เนี่ยจะเอาข้อมูลใน Observer-Data มาใช้งานตามแต่ View จะใช้

ตัวอย่างเดิมแต่เปลี่ยนแนวคิดใหม่

ต้องการอ่านข่าว id ที่ 1234 ระบบก็ไปเรียก Controller "News" และ Controller-Method "Show" เสร็จแล้ว Controller-Method มีการทำงานอะไร ต่าง ๆ มากมาย เช่นมีการใช้ Model พื้นฐานอย่าง News และอาจจะมี Model "ความดิดเห็น" และ "ข่าวที่เกี่ยวข้อง" อื่น ๆ อีก เพื่อเอาไปแสดงผล โดยส่ง id "1234" เข้าไปใน Controller-Method ด้วย เพื่อเอาข่าวที่ 1234 ออกมา เมื่อได้ข้อมูลครบแล้ว ก็เข้าไปใส่ใน Observer-Data ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลแล้วก็แสดงผลออกมาโดยเอาไปจัดการรูปแบบต่าง ๆ ให้สวยงานในส่วนของ View ชื่อ "ShowNews" โดยส่วนของ View จะถูกครอบอีกชั้นด้วย Theme หลักของระบบอีกที

ซึ่งระบบจะประมาณนี้ แต่สุดท้ายก็มีการแยกส่วนหลัก ๆ เป็น Core, Add-on, Warrper Class, Page และ Apps ซึ่งอาจจะมีอะไรมากกว่านี้อีกหน่อย แต่คงไม่ต่างจากข้างบนมากนัก

จากสิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมได้แนวคิดมากมาย และการทำแบบนี้มันทำให้รู้ว่า "กูก็ทำได้วะ" เอาแนวคิดที่เราเคยทำอะไรมามากมายใส่มันลงไป

อีกอย่างคือ Framework หลาย ๆ ตัวของเมืองนอกมักเขียนคำสั่ง SQL เพียว ๆ ไม่ค่อยได้ และมักจะทำให้เราเสร็จ ซึ่งผมไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะมันควบคุมและย่อคำสั่ง SQL ลำบากมาก หรือทำไม่ได้เลย ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพตกไป ใน Framework ผมเลยไม่มีการจัดการ SQL สำเร็จรูปมากมาย อาจมีคำสั่งพื้นๆ เช่นนับจำนวน Record ในตาราง หรือตัวช่วยแบ่งหน้า อะไรพวกนี้ นิดหน่อยซึ่งเป็นงานที่ทำซ้ำ ๆ และใช้กันเยอะอยู่แล้ว เอามาใส่เป็นแบบสำเร็จรูป ส่วนคำสั่ง insert, update, delete อาจจะทำส่วนง่าย ๆ ไว้ในกรณีที่ต้องการลบข้อมูลที่ใช้ primary key อ้างอิงเป็นหลัก แต่ถ้าใช้ตัวอื่น ๆ ด้วย ก็สามารถใช้ SQL Query ทั่วไปแทนได้เลย

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากทำคือ อยากมีอะไรสักอยากที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่แพ้ Framework ของต่างชาติบ้าง แม้มันจะดีหรือห่วย ได้ทำก็ถือว่าคุ้มและ คิดซะว่า "ทำเอามัน" ถ้าทำได้ดี คนชอบก็ถือว่ากำไรชีวิต ถ้าไม่ดี มันห่วยมาก ๆ หาดีไม่ได้เลย ก็แค่เลิกทำ แต่ถ้ามันยังมีความดีอยู่บ้างก็เอามาปรับแต่งให้มันดีขึ้น เอาของคนอื่น ๆ มาดูแล้วปรับแต่ง และหาจุดบกพร่องของ Framework ตัวเองแล้วแก้ไขซะ และดูว่าจุดบกพร่องของคนอื่นคือะไร เอามาปรับเป็นจุดเด่นของเราเสีย

การพัฒนา Framework ตัวนี้พยายามให้มันอยู่บนพื้นฐานของ Add-on มากกว่า Core คือไม่อยากใช้อะไรก็เอา add-on ออก พยายามไม่ให้ตัวที่เป็น Core ผูกติดกับ Add-on แต่ให้ Add-on มันมาผูกกับ Core เอง เพราะเวลาเอา Add-on ออกมันจะได้ไม่มีปัญหา ซึ่งมันต่างกับ Framework บางตัวที่มีอะไรให้ใช้มากมาย แต่บางครั้งมันมากเกินไปหนัก Framework แล้วมันเอาออกไม่ได้ ซึ่งมันทำให้ประสิทธิภาพตกไปเลย ซึ่งพยายามไม่ให้เกิดกับตัวนี้ (หวังไว้นะ)

อีกอย่างที่ำอยากทำคือทำให้ได้อย่าง RoR กะว่าจะทำ Bat File แล้วเขียนให้มันสร้าง Model, View และ Controller ด้วยคำสั่งเดียว -_-‘ แต่คงยากหว่ะ เอาแค่นี้ก่อนดีกว่า ฮ่า …..  ทำคนเดียวไม่ได้ทำหลายคน ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน