บั๊ก Heartbleed และความใส่ใจต่อการใช้ TLS/SSL ในเว็บคนไทย

ว่ากันตามจริง เว็บคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากบั๊ก Heartbleed กันเสียเท่าไหร่นัก เพราะ “ส่วนใหญ่ไม่ใช้ TLS/SSL” ซึ่งแม้แต่เว็บอันดับต้นๆ ของไทยเท่าที่ตรวจสอบก็ไม่ได้ใช้แม้จะมีการรับ-ส่งข้อมูลสำคัญเช่น ชื่อสมาชิก และรหัสผ่าน อย่าเป็นเรื่องปรกติ

ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้วอยากให้มีการออกประกาศ เพื่อสร้างความใส่ใจต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวว่า “เว็บไทยที่มีการรับข้อมูลที่สำคัญ จำพวกชื่อสมาชิก และรหัสผ่าน ควรใช้ TLS/SSL ในการติอต่อสื่อสารข้อมูลอย่างยิ่ง” เพราะเว็บคนไทยเราน้อยมากที่จะใช้ TLS/SSL ซึ่งหากเว็บที่ไม่ได้ใช้ TLS/SSL ในขั้นตอนการรับ-ส่งข้อมูลสำคัญเหล่านั้นเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสกว่าบั๊กของ Heartbleed มากนัก เพราะปัญหาบั๊ก Heartbleed นั้นตั้งถูกตั้งบนสมมติฐานว่า private key อาจจะถูกขโมยไป ทำให้การดักฟังข้อมูลระหว่างเว็บและสมาชิกที่สื่อสารบน TLS/SSL ถูกดักฟังได้จากการใช้ private key ที่ถูกขโมยไปนำมาถอดรหัสเพื่อดักฟัง แต่เว็บที่ไม่มี TLS/SSL เพื่อบริการให้กับสมาชิกโดยป้องกันการถูกดักฟังนั้น คนดักฟังไม่ต้องสนใจว่าจะหาอะไรมาถอดรหัสออดแต่อย่างใด เพราะข้อมูลที่สื่อสารไปมานั้นมันเปลื่อยโล่งทั้งหมด ใครดักฟังก็เห็นได้ทันที และมันเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่ามาก

ฉะนั้นใครใช้งานเว็บคนไทยที่ไม่ได้ใช้การติดต่อบน TLS/SSL เพื่อใช้ในการเข้ระบบ ควรใช้รหัสผ่านแยกจากบริการสำคัญอื่นๆ ทุกบริการ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด!!!

หมายเหตุเพิ่มเติม: Heartbleed เป็นบั๊กที่เป็นข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์สำหรับการติดต่อสื่อสารที่ชื่อ OpenSSL ซึ่งเป็นเพียงซอฟต์แวร์ยอดนิยมสูงมากตัวหนึ่งในกลุ่มใช้ open souce software ที่ใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการติดต่อสื่อสารแบบ TLS/SSL ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้งาน TLS/SSL เป็นวงกว้างมาก แต่กระนั้นในตลาดก็ยังมีซอฟต์แวรเข้ารหัสในรูปแบบเดียวกันตัวอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบเช่นระบบ IIS ของ Microsoft (ที่ธนาคารไทยส่วนใหญ่ใช้) หรือซอฟต์แวร์เข้ารหัสการสื่อสารตัวอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ OpenSSL เป็นตัวเข้ารหัสการติดต่อสื่อสารด้วย TLS/SSL

ต่อไปรหัสผ่านอาจจะไม่จำเป็นสำหรับทุกๆ เว็บ

เรื่องรหัสผ่านนั้น มาในระยะหลังๆ ก็พบว่า บ้างเว็บก็เก็บรักษารหัสผ่านเราอย่างดี บ้างก็เก็บไว้ห่วยๆ นั้นยังไม่เท่าไหร่ (โดยเฉพาะเว็บของคนไทยหลายๆ เว็บ) แต่จากปัญหา Hearbleed ถึงแม้เว็บจะเก็บรหัสผ่านเราดีเพียงใด แต่ก็มีช่องโหว่ได้เช่นกัน ทำให้การให้เว็บต่างๆ เก็บรหัสผ่านเพื่อยืนยันการเข้าใช้ระบบต่างๆ นั้นเริ่มรู้สึกว่ามันจำเป็นน้อยลง เรื่อยๆ

ผมจึงมีแนวคิดที่เพิ่งคิดได้ว่าต่อไปทำเว็บอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่านแล้ว ใช้การเข้าระบบคล้ายๆ forgot password และมี activate link แทน หรือส่งเป็น OTP ผ่านมือถือแทนโดยใช้ลักษณะเป็นรายครั้ง โดยในส่วนของ OTP ผ่าน SMS นั้นแน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่กับบริการแหละว่าแบบไหนควรใช้หรือไม่ควรใช้ ใช้อีเมลเป็นหลัก ส่วนบริการไหนมันซีเรียสมากๆ หรือลูกค้าที่จ่ายเงินใช้บริการ ก็คิดเป็นต้นทุนไป

ส่วนการเชื่อมต่อระหว่างแอพต่างๆ ใช้แนวคิด OAuth 2.0 แทน น่าจะปลอดภัยกว่ามากจากการไม่ต้องจดจำรหัสผ่านมากมายและแตกต่างกันในหลายๆ เว็บ ใช้การเข้าระบบผ่านช่องทางอีเมล หรือส่งรหัสผ่านเข้ามือถือเป็นหลักก็น่าจะเพียงพอและปลอดภัยขึ้น

ลองของใหม่ Windows 8.1 update เพื่อคนใช้เมาส์!!!

ใน Keynote เปิดงาน BUILD 2014 ได้ประกาศเรื่อง Windows 8.1 update ซึ่งเป็น update ตัวแรกของ Windows 8.1 โดยประกาศว่าจะพร้อมให้โหลดเป็นการทั่วไป (GA) ในวันที่ 8 เมษายน 2014 นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่ Windows XP จะหมดระยะเวลาสนับสนุนเพิ่มเติม (Extended support) ในวันดังกล่าวด้วย

โดยผมนั้นได้โหลดไฟล์จากมิตรสหายท่านหนึ่งที่มีบัญชีผู้ใช้งานใน MSDN ซึ่งใน MSDN นั้นได้ปล่อยให้สมาชิกโหลดได้หลังจากงาน Keynote เปิดงาน BUILD 2014 จบลง ซึ่งส่วนตัวผมเพิ่งโหลด Windows 8.1 update มาติดตั้งในช่วงเที่ยงๆ ของวันที่ 3 เมษายน 2014 นี้เอง

โดยในไฟล์ติดตั้ง Windows 8.1 update ด้านล่างนี้ เป็นไฟล์ติดตั้งที่คาดว่าจะเป็นตัวเดียวกับที่จะปล่อยออกมาทาง Windows update ตามปรกติในสัปดาห์หน้า (8 เมษายน 2014) ซึ่งหลายคนคงสับสนกับตอนอัพเกรดมาใช้ Windows 8.1 เพราะใน Windows 8.1 นั้นต้องอัพเกรดผ่านทาง Windows Store โดยตัวนี้เหมือนเป็นไฟล์ update ระบบทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษมากหรือปรับปรุงโครงสร้างระบบเยอะแยะแบบ Windows 8 มา Windows 8.1

การติดตั้งนั้นมีไฟล์ KB อยู่ทั้งหมด 6 ไฟล์ ใช้พื้นที่รวมกันเกือบๆ 789MB ซึ่งได้แก่

  1. KB2919442 – Windows8.1-KB2919442-x64.msu
  2. KB2919355 – Windows8.1-KB2919355-x64.msu
  3. KB2932046 – Windows8.1-KB2932046-x64.msu
  4. KB2937592 – Windows8.1-KB2937592-x64.msu
  5. KB2938439 – Windows8.1-KB2938439-x64.msu
  6. KB2949621 – Windows8.1-KB2949621-v2-x64.msu

การติดตั้งก็ไล่ลำดับจากบนลงล่างอย่าได้สลับลำดับกัน ค่อยๆ ติดตั้งไปเรื่อยๆ การติดตั้งอาจจะต้องมีการ restart อยู่บ้าง 3-4 รอบ ก็ทำตามขั้นตอนไป

หลังจากติดตั้งครบทั้งหมด โดยใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณ 15-20 นาที สิ่งแรกคือ “Start menu ตัวใหม่ที่กำลังกลับมา ไม่ได้มาพร้อมกับ Windows 8.1 update ที่กำลังจะปล่อยในเร็ววันนี้” (รูปตัวอย่างด้านล่าง)

BkPEJAhIgAA7Ts2.png large

ใน PC Info ไม่มีอะไรเพิ่มเติมที่บอกว่าเราใช้ Windows 8.1 update

2014-04-03_134911

เริ่มต้นจากในหน้า Start screen นั้นมีการปรับปรุงในการแสดงผลปุ่ม power และปุ่ม search เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อให้หาง่ายขึ้น เมื่อมีแอพใหม่ๆ ไม่ว่าจะติดตั้งผ่าน Windows Store หรือ Desktop app ก็จะมีจำนวนบอกอยู่ที่ All app ด้านล่างซ้าย

2014-04-03_134633

เมื่อคลิ้กดู App app เพื่อตรวจสอบว่ามีแอพใหม่อะไรบ้าง ก็จะมีแถบสี และตัวอักษร NEW กำกับไว้ด้านท้าย

2014-04-03_134751

ส่วนตัวรู้สึกเหมือน Microsoft ทำมาประชดเรื่องหาปุ่ม power ไม่เจอใน Windows 8 และ 8.1 จริงๆ นะ เพราะใน Windows 8.1 update พวกเอามาวางไว้ที่ Start screen ให้เห็นชัดๆ แบบเต็มๆ ตา

image

เมื่อคลิ้กขวาได้ เวลาค้นหาที่เมนู Search Charm หรือ Networks Charm ก็จะมีคำสั่งลัดขึ้นมาให้เราใช้งานได้รวดเร็วมากขึ้น

image image

สิ่งแรกคือ Tiles ต่างๆ นั้น สามารถนำเมาส์ไปคลิ้กขวาแล้วจัดการ Tile ต่างๆ ได้เลย เหมือนทัชตามปรกติ ไม่ต้องลากเมาส์ขึ้นไป แล้วมาสั่งงานที่ App bar แบบเดิม

เราสามารถ Pin ตัว Windows Store app บน Taskbar ได้แล้วใน Windows 8.1 update ตัวนี้

2014-04-03_141454

การเปลี่ยนชื่อ groups ของ Tile ก็แค่คลิ้กขวาที่พื้นหลัง Start screen ก็จะมีเมนูขึ้นมาให้จัดการให้

2014-04-03_141517

เลื่อนเมาส์ลงไปด้านล่างให้สุด ขอบจอจะมี Taskbar โผล่ขึ้นมาทันที ซึ่งเราสามารถใช้มันสลับการทำงานระหว่าง Desktop app กับ Windows Store apps ที่เปิดอยู่ได้ โดยแอพที่เปิดอยู่นั้น จะเปิดใน Desktop mode หรือ Start Screen ตัวแอพทุกๆ ตัวจะมีรายการแอพที่เปิดอยู่ไปโผล่ที่ Taskbar ใน Desktop mode ด้วย ทำให้เราสลับแอพด้วยเมาส์ได้ง่ายมากขึ้นจากเดิมมาก

2014-04-03_135146

เมื่อมีความสามารถ Pin to Taskbar ของ Windows Store apps ก็ทำให้การเรียกใช้งานง่ายขึ้นจากหน้า Desktop mode โดยไม่ต้องเข้าหน้า Start screen ให้เสียเวลา

2014-04-03_135023

เมื่อ Pin to taskbar  ได้ เราก็สามารถเปิด-ปิด รวมไปถึงสั่ง Pin หรือ Unpin ที่ Taskbar โดยไม่ต้องไปหน้า Start screen ตามแนวคิดเดิมๆ

2014-04-03_144620

Taskbar Thumbnail Previews สามารถใช้งานกับ Windows Store apps ได้ด้วย

image

เมื่อเลือก Windows Store apps ที่เปิดอยู่ ตัว Taskbar และ Titlebar จะแสดงผลค้างอยู่สักพัก และเมื่อเราเริ่มใช้งาน Windows Store apps ตัว Taskbar และ Titlebar ก็จะเลื่อนหายลงไป-ขึ้นไป และแสดงผลแบบเต็มจอตามแบบเดิม

2014-04-03_145956

ถ้าเลื่อนเมาส์ขึ้นไปด้านบน Titlebar ของ Windows Store apps ก็จะเลื่อนลงมา

2014-04-03_150133

ในส่วนที่สำคัญคือของ Windows control box ด้านซ้ายที่สามารถบังคับตัว Windows Store apps ให้ Split Left/Right ได้ รวมไปถึงยังทำงานโดยใช้คำสั่ง Minimize/Close แบบเดียวกับ Windows decoration ที่มีมาควบคู่กับ Titlebar แต่อยู่ด้านขวามือได้ด้วย ทำให้การย่อ-ปิด Windows Store apps ทำได้สะดวกมากขึ้นสำหรับการใช้เมาส์

2014-04-03_135108 image

และแน่นอนว่าเมื่อ Start screen สามารถแสดงผล Taskbar ได้เมื่อซ่อนไปแล้ว ใน Windows Store apps ก็ทำแบบเดียวกันได้แน่ๆ โดยเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่าง Taskbar ของ Store app จะเลื่อนขึ้นมา

2014-04-03_145340

สำหรับปุ่ม Start นั้นยังคงทำหน้าที่เดิมใน Windows 8.1 ก่อนหน้านี้ คลิ้กขวา ที่ปุ่ม Start ก็มีเมนูอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมแบบเดิมๆ

2014-04-03_134844

ตัวเลือก Taskbar and Navigation properties นั้นส่วนเพิ่มเติมคือ Show Windows Store apps on the taskbar ซึ่งเลือกให้มาเป็นค่าเริ่มต้น ถ้าไม่อยากได้ความสามารถด้านบนในส่วนของ Taskbar ที่ทำงานร่วมกับ Windows Store apps ที่กล่าวมาก็ติ้กเอาออกไปได้

2014-04-03_134652

ตัวเลือก “When I sign in or close all applications on a screen, go to the desktop instead of Start” ถูกตั้งมาเป็นค่าเริ่มต้นทันทีเมื่อ Windows 8.1 update ติดตั้ง และตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่เครื่องที่มีหน้าจอ touch screen

2014-04-03_134744

และแล้วก็มาสักทีกับ PC Settings ที่สามารถ Pin ได้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ซึ่งเลือกที่จะ Pin ลง Start screen หรือ Taskbar ก็ได้

image

ในส่วนของ PC Settings นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง มีเมนู Control Panel เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเปิด Control Panel ได้ง่ายมากขึ้น (เอามาปะๆ ไว้เพราะ PC Settings มันไว้ตั้งค่าแบบง่ายๆ เร็วๆ)

2014-04-03_135720

ในส่วนของ PC and devices นั้นเพิ่มเติม Disk space เข้ามาเพื่อตรวจสอบการใช้งานพื้นที่ของตัวแอพและไฟล์ต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องเข้า File Explorer แบบเดิมๆ

2014-04-03_135303

เปลี่ยนชื่อ SkyDrive มาเป็น OneDrive แล้ว

(สำหรับใครที่ Pin ตัว SkyDrive บน Desktop mode ไว้ก่อนหน้านี้ แนะนำให้ Unpin และ Pin ใหม่ ผมเจอว่ามันไม่ยอมเปลี่ยนชื่อให้)

2014-04-03_135348

ในส่วนของ Network นั้น Manage khown networks หรือตัวจัดการ Wireless network profiles ของ WiFi นั้นกลับมาแล้ว!!! สามารถ Forgot ตัว Wireless network profiles ที่มีอยู่ได้แล้วโดยไม่ต้องมีใช้ command line เหมือนใน Windows 8.1

2014-04-03_135507

image

สรุปโดยรวมของ Windows 8.1 update นั้น คงเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดูดีขึ้นพอสมควร ซึ่งส่วนตัวนั้น ค่อยรู้สึกว่า Desktop apps และ Windows Store apps นั้นสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้เนียนมากขึ้น ใช้งานได้ง่าย และทำให้ Windows Store apps นั้นมีประสบการณ์ในการใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์ได้ดีจนรู้สึกว่า Windows Store apps ใช้งานได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวกับ Desktop apps จนเกินไป