Google เสียงอ่อนกรณี CalDAV API ยอมเปิดให้นักพัฒนาทุกคนเข้าถึงได้แล้ว

ถ้าเราจำกันได้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Google ได้ประกาศว่า CalDAV ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดสำหรับการเข้าถึงข้อมูลปฏิทิน (calendar) ผ่านเว็บจะกลายเป็น API สำหรับพันธมิตรและนักพัฒนาเฉพาะกลุ่มของ Google ที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้น หลังจากนั้น Google ก็ได้รับข้อเรียกร้องให้กลับมาพิจาราณาให้ CalDAV สามารถเข้าถึงได้สำหรับนักพัฒนาทุกคน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มตลอดมา

มาในวันนี้ Piotr Stanczyk ซึ่งเป็น Tech Lead ของ Google ได้ทบทวนนโยบายใหม่ตามข้อเรียกร้องของนักพัฒนา ให้สามารถเข้าถึง CalDAV API สำหรับนักพัฒนาทุกคนอีกครั้ง (We are keeping the CalDAV API public. And in the spirit of openness.) โดยสามารถเข้าถึงด้วย endpoint ใหม่ที่ https://apidata.googleusercontent.com/caldav/v2

ในด้านของ CardDAV API ซึ่งมาตรฐานเปิดสำหรับการเข้าถึงข้อมูลติดต่อ (contact) ผ่านเว็บ Piotr Stanczyk ได้ประกาศว่านักพัฒนาทุกคนสามารถเข้าถึง API ดังกล่าวได้แล้ว พร้อมทั้งแนะนำการเข้าถึงผ่าน OAuth 2.0 อีกด้วย

ที่มา: Google Developers Blog

Office Home & Student 2013 RT ต่างจากรุ่นปรกติอย่างไร (Office ที่ให้มาพร้อม Surface RT และใน Windows RT)

ใน Microsoft Surface RT นั้น Microsoft ได้ให้ชุดซอฟต์แวร์สำนักงานที่ชื่อ Office Home & Student 2013 RT มาพร้อมกับ Windows RT โดยเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ประกอบด้วย Word 2013 RT, Excel 2013 RT, PowerPoint 2013 RT และ OneNote 2013 RT ซึ่งตัวชุดซอฟต์แวร์นี้บันทึกไฟล์เข้า SkyDrive เป็นค่ามาตรฐาน

ในด้านของตัว Office Home & Student 2013 RT ไม่ได้ออกแบบสัญญาอนุญาตมาให้ทำงานสำหรับภาคธุรกิจ หรือหน่วยงานที่หวังผลกำไร แต่อย่างไรก็ตาม องค์กรที่ซื้อสัญญาอนุญาตใช้งานในเชิงพาณิชย์หรือมีใบอนุญาตในเชิงพาณิชย์ของชุด Office 2013 รุ่นปรกติ จะได้รับการยกเว้นให้สามารถใช้ Office Home & Student 2013 RT สำหรับภาคธุรกิจ หรือหน่วยงานที่หวังผลกำไรได้

ตัวอย่างเช่น ถ้าในองค์กรซื้อ Office 2013 รุ่นปรกติใช้งานอยู่ 50 เครื่องและมีการใช้ Windows RT ซึ่งติดตั้ง Office Home & Student RT มาให้ เพิ่มเติมอีก 10 เครื่อง องค์กรต้องซื้อสัญญาอนุญาตของ Office 2013 ตัวเต็ม เพิ่มเติมอีก 10 เครื่องเพื่อแปลงสัญญาอนุญาตเหล่านั้นมาใช้งานบน Office Home & Student 2013 RT ใน Windows RT แทน

แน่นอนว่าสำหรับชุด Office 2013 ตัวเต็มกับ Office Home & Student 2013 RT มีซอฟต์แวร์ในชุดไม่เท่ากัน อาจทำให้เสียเปรียบหรือเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์นั้น ได้สอบถามกับทาง Microsoft มาได้ความว่า

  1. ในอนาคตเมื่อมี Office 2013 ในรุ่นสำหรับลูกค้าองค์กรบน Windows RT สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีตามสิทธิ์ที่ได้รับจากชุด Office 2013 ตัวเต็มที่ได้ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ (ตามตัวอย่างข้างต้น)
  2. สำหรับซอฟต์แวร์ในชุด Office 2013 ที่ขาดหายไปใน Office Home & Student 2013 RT แต่ใน Office 2013 ตัวเต็มที่ซื้อไปก่อนหน้านี้มี เมื่อในรุ่น Office 2013 RT Suites รุ่นใหม่ๆ ออกมา ก็สามารถใช้งานได้ทันทีตามชุดหรือซอฟต์แวร์ที่ได้ซื้อไว้เช่นกัน

ความสามารถในรายการด้านล่างนี้ไม่สนับสนุนใน Office Home & Student 2013 RT ณ ตอนนี้ (6 มิถุนายน 2556)

  • Macros, Add-Ins, Forms, and Custom Programs (Word, Excel, PowerPoint)
  • Send Email Features (Word, Excel, PowerPoint, OneNote)
  • SkyDrive Sync Integration (Word, Excel, PowerPoint)
  • Equation Editor 3.0 (Word, Excel, PowerPoint)
  • Lync File Download
  • Grammar checking (Word)
  • Data Models (Excel)
  • Slide Library ActiveX Control (PowerPoint)
  • Legacy Media Formats in PowerPoint (PowerPoint)
  • PowerPoint Flash Video Playback (PowerPoint)
  • Recording Narrations (PowerPoint)
  • Audio and video recording (OneNote)
  • Import through scanner (OneNote)
  • Audio & video search (OneNote)

ที่มา Introducing Office Home & Student 2013 RT

Microsoft Surface ถึงมาช้า แต่ก็ยังมา!

Microsoft Surface ในไทยเปิดตัวช้ากว่า US ประมาณ 6 เดือน ซึ่งอาจทำให้หลายคนผิดหวังเพราะซื้อมาแล้วบ้าง หรือไม่ก็ไปใช้ยี่ห้ออื่นแล้ว (หรือซื้อ sub notebook ไปแล้วแบบผม) โดยส่วนตัวมองว่า นี่เป็นก้าวสำคัญที่ Microsoft Thailand จะถูกจัดอยู่ในประเทศที่มีการเปิดตัว Hardware ระดับบนของ Microsoft ที่เปิดตัวใน US และปรกติมักจะขายแต่ใน Microsoft Store มาขายได้ ซึ่งการเปิดตัวในไทยครั้งนี้ เรายังเป็นประเทศ 1 ใน 29 ประเทศจาก 130 ประเทศที่ Microsoft ทำตลาด Software และได้สิทธิ์ในการขาย Surface โดยที่เรายังได้สิทธิ์ในการซื้อได้ทั้ง Surface RT และ Surface Pro โดยไม่ต้องรอคิวเปิดตัว Surface Pro แบบบางประเทศ

แน่นอนว่าเปิดตัวช้า แถมเปิดตัวตอน Intel เพิ่งออก 4th Gen Core รหัส Haswell ด้วยแล้วยิ่งตัดสินใจยาก (แบบผม) แต่ถ้ามองในแง่ดี ผมว่าเป็นการลองกระแสและซ้อมการขาย Hardware ระดับบนในรูปแบบที่ Microsoft ประเทศไทยไม่เคยทำเท่าไหร่นัก (นอกจากเมาส์ คีย์บอร์ด กล้องเว็บแคม มี Xbox 360 มาโผล่แป็บๆ) แต่ใน Surface 2 ที่ผมคิดว่าคงมีในปลายปีนี้ ผมเชื่อว่า Microsoft Thailand คงได้สิทธิ์ในการขายมาเร็วขึ้น ถ้ากระแสและผลการตอบรับในครั้งนี้ดี และนั้นหมายถึงความพร้อมที่มากขึ้นจากตอนนี้และช่องทางขายที่ถูกรองรับได้อย่างแน่นอน คือให้ผมเดาว่าในอนาคตเราอาจได้ใช้ Xbox One ตามหลังจาก US เปิดตัวในเวลาไม่นานนัก (แบบไม่ต้องเครื่องหิ้ว) เพราะมีช่องทางจัดจำหน่ายที่ชัดเจนมากขึ้น แต่นั้นคงหมายถึงกระแส Surface ต้องแรง และเนื้อหาที่ใช้งานร่วมกับ Xbox One พร้อมจริงๆ

เรื่องวิเคราะห์คาดเดาก็ผ่านไปแล้ว มาเข้าเรื่องของงานเปิดตัวและพาดูเครื่อง Surface RT และ Surface Pro กันสักหน่อย

ตัวเครื่อง Surface RT และ Surface Pro นั้นรูปลักษณ์ด้านนอกนั้นดูแทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่น้ำหนักนั้นต่างกันพอสมควร แต่ความหนานั้นยังไม่ค่อยเห็นเด่นชัดเท่ากับน้ำหนัก อยากทราบข้อแตกต่างอ่านต่อที่ ข้อควรทราบก่อนซื้อ Surface RT และ Surface Pro นะครับ

ขอพาไปดูตัวเครื่องจริงๆ ที่ถ่ายรูปมาจากในงานเปิดตัวสักหน่อย

ในงานนั้นตัว Surface RT และ Surface Pro ถูกนำเสนอพร้อมกับ Touch Covers และ Type Covers

WP_20130605_040 

WP_20130605_031

WP_20130605_043

ตัวเครื่องมีขาตั้งหรือ Microsoft เรียกว่า Kick-stand ซึ่งถูกออกแบบมาให้อยู่กับตัวเครื่องและไม่สามารถถอดออกมาได้ ประโยชน์ของมันคือใช้เป็นขาตั้งและวางบนตักทำงานได้ ถ้ามี Touch Covers หรือ Type Covers ก็กลายเป็น Notebook กลายๆ เลยทีเดียว

(การออกแบบ Kick-stand นั้น ทาง Microsoft แจ้งว่าทำมุม 22 องศา ซึ่งเป็นมุมที่ทำวิจัยมาแล้วว่าเหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด)

ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Port USB 2.0 (RT) หรือ USB 3.0 (Pro) เชื่อมต่อได้สบายๆ อยากรู้ว่ามี port อะไรบ้าง อ่าน ข้อควรทราบก่อนซื้อ Surface RT และ Surface Pro 

WP_20130605_032

เหตุผลที่ Surface Pro หนาเพราะต้องทำส่วนของระบายความร้อนให้กับ CPU อย่าง Intel Core i5 ให้มันด้วย ซึ่งจากที่ใช้งานตอนรัน Benchmark แล้วนั้นถือว่าร้อนใช้ได้เลยเมื่อเอามือไว้วางที่ด้านหลังเครื่องส่วนที่คาดว่าจะเป็น CPU อยู่

WP_20130605_051

ผล Benchmark ของ Surface Pro

WP_20130605_044

ผล Benchmark ของ Surface RT

WP_20130605_053

สุดท้ายผมนำภาพบางส่วนจากงานเปิดตัว Microsoft Surface ในประเทศไทยมาฝากสักเล็กน้อยครับ

WP_20130605_005

WP_20130605_018

WP_20130605_019

WP_20130605_030

WP_20130605_036

ข้อควรทราบก่อนซื้อ Surface RT และ Surface Pro

ในวันที่ 5 มิถุนายน 56 นี้ประเทศไทยเราคงได้สัมผัสกับ Surface อย่างเป็นทางการเสียที ส่วนตัวเลยอยากเขียนสรุปอีกสักรอบ จะได้เลือกได้ตามความต้องการและทราบถึงข้อมูลที่จำเป็นก่อนไปเลือกหาซื้อ Surface ทั้ง RT และ Surface Pro มาใช้ตรงตามความต้องการกันได้

surface-url

โดยต้องเกรินสักหน่อยว่า Surface RT และ Surface Pro นั้นรูปร่างหน้าตาแม้จะคล้ายๆ กัน แต่คุณสมบัติภายในนั้นต่างกัน และบางอย่างก็ต่างกันคนละเรื่องเลยทีเดียวครับ

ผมขอทำรายการเป็นข้อๆ สรุปดังนี้

  • Surface RT ไม่ได้ใช้ Microsoft Windows แบบที่เราคุ้นเคยกันโดยทั่วไป แต่เป็น Windows RT ที่เป็นรุ่นย่อส่วนจาก Windows 8 มาอีกทีหนึ่ง โดยใช้งานได้เพียงส่วนของ Windows 8 App ใน Modern UI เท่านั้น ไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เราคุ้นเคยโดยทั่วไปได้
  • Surface RT ใช้ CPU (NVIDIA Tegra 3 quad core 1.4GHz) โครงสร้างการออกแบบเครื่องแบบเดียวกับ Android หรือ iPad ที่อยู่ในตลาด นั้นคือเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็น Desktop Application ที่เคยทำงานใน Windows XP, Vista, 7 และแม้แต่ 8 ได้ โดยการติดตั้ง App ต้องทำผ่าน Windows Store เท่านั้น
  • Surface Pro ใช้ CPU (Intel Core i5 dual core 1.7GHz) โครงสร้างการออกแบบภายในคล้ายกับ Intel Ultrabook ที่ย่อส่วนมาในรูปแบบของ Tablet ที่ไร้คีย์บอร์ดโดยพื้นฐาน ทำให้มันถูกติดตั้งมาพร้อมกับ Windows 8 ตัวเต็มที่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็น Desktop Application ที่เคยทำงานใน Windows XP, Vista, 7 และแม้แต่ 8 ได้สบายๆ แต่ในส่วนของ App ที่เป็น Windows 8 App (Modern UI) ยังต้องติดตั้งผ่าน Windows Store แบบเดียวกับ Surface RT เหมือนเดิม (Windows 8 เป็น OS ที่มีส่วนประกอบมากกว่า Windows RT ทำให้รองรับ Desktop Application แบบดั่งเดิมได้ด้วย)
  • Surface RT มี RAM น้อยกว่า Surface Pro (2GB VS 4GB)
  • ทั้ง Surface RT และ Surface Pro นั้น พื้นที่ที่แสดงข้างกล่องไม่ได้หมายถึงพื้นที่สามารถใช้งานได้เต็มพื้นที่ทั้งหมด แต่เป็นพื้นที่ที่รวมกับระบบ Windows ด้วย ทำให้เมื่อเปิดใช้งานจะได้พื้นที่น้อยกว่าความเป็นจริง “มาก”
    – Surface RT 32GB ให้พื้นที่ใช้งานได้จริงที่ 15GB
    – Surface RT 64GB ให้พื้นที่ใช้งานได้จริงที่ 45GB
    – Surface Pro 64GB ให้พื้นที่ใช้งานได้จริงที่ 28GB
    – Surface Pro 128GB ให้พื้นที่ใช้งานได้จริงที่ 85GB
  • Surface RT และ Surface Pro ให้ขนาดหน้าจอ 10.6” แต่ความละเอียดไม่เท่ากัน
    – Surface RT ให้ความละเอียด  1366×768 pixel (HD) 5-point multi-touch screen
    – Surface Pro ให้ความละเอียด 1920×1080 pixel (Full HD) 10-point multi-touch screen
  • Surface RT เบากว่า Surface Pro ในอัตราส่วน 2 ต่อ 3 เลยทีเดียว (680g VS 900g)
  • Surface RT บางกว่า Surface Pro (9.3mm VS 13.5mm)
  • Surface RT เชื่อมต่อด้วย USB 2.0 และ micro HDMI สำหรับ Surface Pro ใช้ USB 3.0 และ Mini DisplayPort
  • ทั้งสองรุ่นให้ Microsoft Office มาในตัวเครื่อง
    – Surface RT ให้ Microsoft Office Home & Student 2013 RT Preview
    – Surface Pro ให้ Microsoft Office 365 1-month trial
  • Surface ทั้งสองรุ่นมี microSDXC card slot มาให้
  • Surface ทั้งสองรุ่น ไม่มี 3G มาให้ ใช้ได้เพียง Wi-Fi เท่านั้น (2.4GHz/5GHz)
  • Surface ทั้งสองรุ่นให้กล้องทั้งหน้าและหลังมีความละเอียด 1MPx
  • Surface ทั้งสองรุ่นใช้วัสดุที่ชื่อว่า VaporMg ที่เป็นวัสดุที่ผลิตจาก Magnesium อีกทีหนึ่ง
  • Touch Covers เป็นคีย์บอร์ดแบบสัมผัสและเป็นฝาปิดหน้าจอได้ในตัว
  • Type Covers เป็นคีย์บอร์ดแบบปุ่มทั่วไปแต่บางพิเศษและเป็นฝาปิดหน้าจอได้ในตัว

สุดท้ายขอเอา Keynote งานเปิดตัว Surface ที่ US และ Infographic ของ Surface ภาษาไทยมาลงสักหน่อย หวังว่างานเปิดตัวพรุ่งนี้จะคูลแบบที่ US นะ

 

surface1

Surface2_edit2

สรุปสั้นๆ หลังจากใช้ Sony Vaio E 11"

ผมได้ Sony Vaio E 11” มาในราคาไม่แพงจากร้าน PS. Computer ที่จังหวัดอยุธยา เพราะเค้าลดล้าง stock มา (ราคาหลังไมค์) ตอนนี้คงหมดแล้วเพราะมีไม่เยอะ แต่บอกได้ว่าไม่ถึงหมื่นครับ ถูกกว่าหน้าร้านทั่วไปที่ราคาตอนนี้ 12,900 บาท หรือราคา Sony Shop ที่ 14,900 บาท

เหตุที่ซื้อ Vao E 11″ เพราะเอามาเป็น sub notebook ใช้แทน Tablet (ตูคิดไม่เหมือนชาวบ้านเค้าซินะ) เพราะจากที่เคยใช้ tablet มาก่อนหน้านี้สุดท้ายก็ต้องซื้อคีย์บอร์ดแบบปรกติมาเพิ่ม เพราะมันพิมพ์งานลำบากมาก รวมถึงมันทำงานพวก coding ไม่ได้ คือแบก tablet ที่พก keyboard ไปด้วยมันกลายเป็นว่าน้ำหนักเกือบ 1kg แน่นอนว่าการหยิบใช้สะดวกกว่า แต่พองานยากๆ งานซีเรียสก็ต้องเปิด notebook อยู่ดี (สรุปผมต้องแบก 2 เครื่อง) ตอนนี้ผมแก้ไขด้วยการโยนงานบางอย่างใน tablet พวกนี้ขึ้น Windows phone 8 แทน เช่นพวกระบบ monitor ขึ้นเว็บ เขียน push/notification เข้าอีเมล และ remote ssh/windows remote desktop ไปไว้ใน app แทน ซึ่งก็ทดแทนงานพวกนี้ใน tablet เกือบหมดแล้ว สุดท้ายส่วนงานที่ซีเรียสมากๆ ก็เอามาใส่ใน sub notebook เป็นส่วนสุดท้าย

WP_20130602_010

ต่อไปนี้ไปเที่ยวก็เอาไปเฉพาะ sub notebook ก็เพียงพอสำหรับงานแก้ไขปัญหาเป็นหลัก (ไปเที่ยวไม่ได้ไปทำงานไม่ต้อง full function) เพราะตอนนี้เอกสารและ code โปรแกรมต่างๆ ย้ายขึ้น cloud และ git ไปเกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นส่วนที่จำเป็นจริงๆ จะถูก sync ไป-มาได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติคราวๆ เป็น

  • CPU AMD E2-1800
  • APU Radeon HD 7340M
  • RAM 2GB
  • HDD 320GB จอภาพ 11.6″ (1366×768 LED Backlit)
  • น้ำหนัก 1.5kg

อย่างแรกคือ มันเบาดีครับ ความเร็วไม่ได้แรงมากเท่าไหร่ คะแนน WIE ส่วนของ CPU 3.9 เท่านั้น แต่คะแนนส่วนของ VGA ทำได้ดีมาก แต่ RAM ที่ได้มาน้อยไปหน่อย เดี่ยวต้องไปหามาใส่เพิ่มจะได้ทำงานได้ไหลลื่นมากขึ้น

เปิดกล่องครั้งแรกที่รู้สึกคืองานประกอบนั้นแน่นหนาดีมาก เป็นพลาสติกที่รู้สึกว่ามันไม่แตกหักง่าย

สิ่งที่ชอบอย่างแรกคือมี port VGA และ HDMI มาให้ ไม่ต้องซื้อสายต่อเพิ่มสำหรับงาน present แต่อย่างใด ต่อมาคือมี HD webcam, SD-card reader, powered USB และ USB 3.0 มาให้ด้วย ในส่วนที่รู้สึกว่าโอเคคือจอภาพ สวยงามมาก ไม่คิดว่าจอ 11.6″ จะให้ resolution จอมาแบบไม่งกที่ขนาด 1366×768 pixel ทำให้ทำงานย้ายไปมาระหว่าง ThinkPad กับ Vaio ง่ายขึ้นมาก เพราะ ThinkPad T420 จอ 14.1″ ก็เท่านี้ (Lenovo งก resolution จอจนน่าเบื่อ เครื่องเก่าผม ThinkPad Z61t ยังได้ 1,440×900 เลย)

ส่วนต่อมาที่ไม่เกี่ยวกับตัวเครื่องโดยตรงคือ ประกันที่ให้เป็นประกันอุบัติเหตุ และประกันเครื่องหายของบริษัทประกันภัยในประเทศไทยด้วย ซึ่งทั้งหมดให้ประกันมา 1 ปีเต็มๆ นี่ไม่แน่ใจว่าซื้อประกันเพิ่มมันจะต้องจ่ายเท่าไหร่แฮะ

WP_20130602_012

ส่วนที่รู้สึกไม่ชอบคงเป็นเรื่องมันช้า แต่เข้าใจได้ เพราะจ่ายเงินตามคุณสมบัติที่ได้ (มันไม่ชอบ แต่ไม่ใช่ข้อเสียอะไร)

สำหรับ RAM นั้นมีช่องใส่ RAM มาให้ 2 ช่อง สามารถเปลี่ยน HDD ได้ง่ายๆ เพราะมันอยู่ข้างๆ RAM เลย แกะตัวฝาปิดด้านล่างก็เปลี่ยนหรือเพิ่ม RAM และ HDD ได้สบายๆ สำหรับ HDD ที่ให้มานั้นเป็น 5400rpm ขนาด 320GB ความหนา 7mm แต่ช่องใส่สามารถใส่ 9mm ได้นะ เพราะลองใส่ HDD 7200rpm หนา 9mm นั้นฝาปิดก็ปิดได้สบายๆ

ในส่วนของ Software ที่แถมมาเยอะพอสมควร คือเกือบจะดี แต่ว่ามันไม่ค่อยล่าสุดเท่าไหร่ แล้วไม่มีให้เลือกเอาออกตอนเปิดเครื่องครั้งแรก ต้องมานั่งไล่ uninstall คือหงุดหงิดเล็กๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

ตัว Windows ที่ให้มาเป็น Windows 7 Home basic 64bit แบบ license ซึ่งโดยรวมเอามาใช้งานทั่วไปที่กำลังจะเอาเครื่องนี้ไปใช้งานอยู่นั้นโอเค แต่กำลังคิดอยู่ว่าสิ้นเดือนจะไปไปถอย Windows 8 มาใช้ทีหลังดีไหมเพราะมันอาจจะมีปัญหาเรื่องการทำงานย้ายไป-มากับ ThinkPad ที่เป็นเครื่องหลัก

WP_20130602_014

สุดท้ายในด้านคีย์บอร์ดนั้น หลังจากปรับตัวเข้ากับคีย์บอร์ดที่จัดวางปุ่มตามสมัยนิยมที่ไม่ใช่ ThinkPad Classic รุ่นหลังปี 2011 มาหลายแบบมากๆ ตอนนี้ผมเริ่มเฉยๆ กับการยึดติดกับวิธีคิดแนวนี้แล้ว และแน่นอนว่าตอนนี้เหตุผลในการเลือก notebook ใหม่นั้นลอยตัวจากแนวคิดนี้และสรรหาอะไรที่ดีที่สุดในด้านอื่นๆ แทน สำหรับคีย์บอร์ดของ Vaio นั้นฟิลลิ่งของตัวเครื่องขนาดเล็กแบบนี้ก็ทำได้ดีพอสมควร แน่นอนว่าดีพอๆ กับ Bluetooth Mobile Keybaord 5000 และ Wedge Keyboard ของ Microsoft เลยทีเดียว ทำให้ผมปรับตัวไม่ยากเท่าไหร่นัก (ผิดกับตอนแรกที่ใช้จาก ThinkPad มาใช้ Bluetooth Mobile Keybaord 5000 ต่อภายนอกแบบจริงจัง ตอนนั้นลำบากอยู่เป็นเดือน)

ตอนนี้ก็นั่ง setup ตัว Vaio เครื่องนี้ให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพจริงๆ น่าจะไม่นานนักคงเรียบร้อยดี ;)

fotor_WP_20130602_009_jpg