It’s game on! Meet the BlackBerry PlayBook in Thailand [27/4/2011]

งานจัดเมื่อวันพุธที่ 27 เมษายน 2554 เวลา 18.00 น. ที่ ร้านฟาลาเบลล่า (สถานีรถไฟฟ้าราชดำริ) คนไม่เคยไปเลยงงๆ นิดๆ แต่หาใน Google Maps ก็ดูจะไม่ยากเท่าไหร่  ซึ่งผมไปสายนิดหน่อย ไปเจอ @markpeak ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ก็เลยเดินไปด้วยกัน

แจ้งทราบ! รูปภาพทั้งหมดจากกล้อง @ipats ครับ -/\-

งานนี้เจอ คุณแดนนี่ โบลดุค รองประธาน ประจำประเทศไทย บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น อีกเช่นเคย มานำเสนอข้อมูลเบื้องต้น และต่อด้วยการ Review การใช้งานจริงของตัว PlayBook ซึ่งแน่นอนว่าส่วนตัวแล้วชอบการ Review ตอน Truly Multitasking ของตัว PlayBook พอนำเสนอการทำงานระหว่างการแสดงผลวิดีโอไปพร้อมๆ กับเล่นเกม Need for Speed ได้อย่างน่าสนใจ

P1020467

โดยการนำเสนอในช่วงนี้จะออกทำเล่นเกม และดูวิดีโอ HD ไปพร้อมๆ กัน โดยแบ่งครึ่งซ้ายและขวาอย่างละครึ่งได้ โดยที่ผมนั่งสังเกตว่าการใช้บังคับตัวเกมและการเล่นไฟล์วิดีโอไม่มีกระตุกให้เห็นเลยตลอดช่วงการนำเสนอ

การทำงานแบบ Truly Multitaksing นั้นบางคนอาจจะนึกภาพไม่ออก ก็ให้มองการทำงานบน OS อย่าง Microsoft Windows หรือ Mac OS X ก็ได้ครับ ที่เราสามารถสลับโปรแกรมไปมาได้โดยที่โปรแกรมไม่ต้องอยู่สถานะ “หลับ” (Sleep Task) แต่อย่างใด แม้ใน iOS จะบอกว่าทำได้ แต่ยังทำได้แค่บางส่วน และเป็น App ของ Apple เองทั้งนั้น

ซึ่งจากการที่ผมได้จับ ได้ทดสอบในส่วนนี้แล้ว บอกได้เลยว่าการสลับหน้าต่างและการปิดโปรแกรมทำได้เนียนดี แต่อาจจะต้องฝึกและอ่านคู่มือการลากนิ้วเพื่อทำงานนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ยากอะไร

สำหรับการแสดงว่าผ่าน HDMI นั้นทำได้ทันทีที่เสียบสายเข้ากับจอภาพโดยไม่ต้องเซตอะไรเพิ่มเติม และตัว PlayBook จะทำการ Duplicate ตัวการแสดงผลบนจอภาพของ PlayBook เองเข้าจอที่ต่ออยู่ทันที แถมแสดงผลไฟล์วิดีโอ 1080p จากตัว PlayBook เข้าจอภาพ LCD 42” (กะๆ เอาจากในงาน) ได้อย่างสบายๆ และสวยงามครับ

P1020488

ส่วนที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์ซึ่งจากการคุยกับ @markpeak น่าจะเกิดจากใช้ webkit engine ของตัว browser ที่ยังมีปัญหากับภาษาไทยอยู่ เลยทำให้ลำดับการแสดงผลวรรณยุกต์ผิดพลาดไป รวมไปถึงตัวคีย์บอร์ดยังไม่มีภาษาไทยให้ใช้งาน (หรือผมหาไม่เจอก็ไม่รู้) แต่ผมมองว่าตอนขายจริงคงจะได้รับการแก้ไขแล้ว (ไม่งั้นคนไม่ซื้อแน่ๆ เพราะคู่แข่งทุกรายทำได้หมด)

P1020491

สำหรับการแสดงผล Flash และวิดีโอบนเว็บทำได้ดี การแสดงผล Layout ของเว็บไม่มีปัญหาใดๆ แน่นอนว่าเปิด Youtube โดยไม่ต้องไปปิด App อีกตัวมาทำงานโดยเฉพาะแบบ iOS ให้เสียเวลาสลับหน้าต่างไปมาให้เสียอารมณ์

สำหรับ App ตัวอื่นๆ ยังมีน้อยอยู่ในเครื่องที่ได้ทดลองใช้งาน แต่โดยพื้นฐานแล้วที่ให้มากับเครื่องก็เพียงพอสำหรับงานโดยทั่วไป พวก App สำหรับใช้งานเชื่อมต่อับเว็บนี่ไม่ต้องใช้ก็ยังไหว อย่างเช่น เข้าใช้งาน Facebook ใช้งานได้แบบ Full Function สบายๆ เลย แต่ถ้าเป็นคนที่จะเอามาเล่นเกม อาจจะลำบากสักนิด แต่ก็ดูจะไม่น่าเป็นห่วงเพราะ ทาง RIM ก็แจ้งว่า App เก่าจาก BlackBerry OS เดิมจะทำงานได้ผ่าน App Player ได้ และที่น่าประหลาดใจคือ สมารถใช้งานกับ App จาก Android 2.3 ขึ้นไปได้ ส่วน Android 3.0 ยังไม่แน่นอนว่าจะยังไงเหมือนกัน

สำหรับคนที่จะพัฒนา App บน PlayBook ต้องบอกว่ามีเครื่องมือให้ใช้หลากหลายมาก ตามรายการด้านล่างนี้ครับ

  • BlackBerry Tablet OS SDK for Adobe AIR – AIR
  • BlackBerry WebWorks SDK for Tablet OS – HTML/JavaScript
  • BlackBerry Java (ผ่าน app player) – Java
  • Android (ผ่าน app player) – Android Java
  • BlackBerry Tablet OS Native Development Kit (NDK) – C/C++
  • Ideaworks Labs Airplay SDK – เอนจินเกม
  • Unity Technologies – เอนจินเกม

ข้อมูลการพัฒนาอ้างอิงจาก http://www.blognone.com/news/22646

P1020533

ด้วยขนาดไม่ใหญ่มาก พวกก็เอาไปยัดกระเป๋ากางเกงด้านหลังซะอย่างงั้น –*-

สำหรับราคา ได้ข่าวว่าเปิดตัวเริ่มต้นที่ 17,700 บาท (ไม่ยืนยัน ผมแค่ได้ยินมา ^O^") แต่จะขายเมื่อไหร่นี่ก็ยัง งงๆ แต่คิดว่าไม่นาน (รีบๆ หน่อยครับ iPad 2 มาแล้ว!!!)

สำหรับตัวคุณสมบัติภายในของ PlayBook Blackberry ก็มีดังนี้

P1020506c

OS : BlackBerry Tablet OS (QNX)
CPU : 1 GHz Cortex-A9 dual-core processor
Storage : 16, 32 or 64 GB Flash Memory
Memory : 1 GB RAM
Display : 7" LCD with Capacitive multi-touch touchscreen
– IPS Panel
– 1024 x 600 px
– WSVGA
– 16:9 aspect ratio
Graphics : PowerVR SGX540
Camera :
– Rear 5 MP 1080p HD video
– Front 3 MP 1080p HD video
Sound Stereo with Microphones & build-n Stereo speakers
GPS, Accelerometer, 6-Axis Gyroscope and Magnetometer
Wi-Fi (802.11a/b/g/n), Bluetooth 2.1 + EDR, Micro USB and Micro HDMI (1080p HDMI output)
Battery : 5300 mAh
Dimensions : 5.1" x 7.6" x 0.4" (130mm x 194mm x 10mm)
Weight : 0.9lbs (425g)

ข้อมูลสรุปจาก Tech Spec

เหตุเกิด ณ. ดีแทค สาขาพารากอน

ผม : ขอชำระค่าบริการโทรศัพท์ที่ค้างชำระหน่อยครับ
สาวดีแทค: ได้คะ ไม่ทราบว่าหมายเลขโทรศัพท์หมายเลขอะไรคะ (หล่อนยื่นหน้าเข้ามา เอียงนิดๆ สายตาจิกเล็กน้อย ยิ้มนิดๆ ^^)
ผม : (คิดในใจ) นี่เรายังไม่รู้จักกันเลย อยู่ๆ มาขอเบอร์ นี่ถ้าผมขอเบอร์แล้วไม่ให้ จะให้คะแนนติดลบทันที เพราะขัดใจลูกค้า ข้อหาโปรยเสน่ห์ใส่โดยไม่ใยดี T_T
ผม : (ตอบคำถาม) เอ่อ … เบอร์ 086 ….. ครับ
สาวดีแทค: โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวขอตรวจสอบค่าบริการคงเหลือสักครู่นะคะ (สะบัดปลายผมเล็กน้อย และส่งสายตาจ้องมา! มาทันใด!!!)
….. ค่าบริการทั้งหมด …. คะ (ชายตามาอีกแล้ว …. โอ่ยยยย)
ผม : (เริ่มใจละลาย ผมไม่รอช้า รีบจ่ายเงินทันที แล้วรีบเจ้นออกมาทันใด อยู่นานกลัวใจตัวเอง!!!)

ต่อไปผมจะจ่ายค่าบริการผ่านตู้ ATM หรือ Internet Banking แทนแล้วครับ T_T

เพราะอาการหวั่นไหวน่าจะมีน้อยกว่านี้มาก!!!

ปล. แซวเล่นนะคร้าบบบบบบ ^^

“สุนทรียะ” ทำให้เราเป็นมนุษย์ … ไม่ใช่เครื่องจักร …

เพราะชีวิตคนเรา ไม่ใช่อยู่ …

… แค่เพื่อหายใจเข้าแล้วก็ออก
… แค่เพื่อ กิน นอน ถ่าย ทำงาน สืบพันธ์ แล้วก็ตายจากไป

แต่

… เรายังมีสุนทรีย์ในชีวิตเต็มไปหมด ให้ค้นหา
… เรายังมีความสนุกสนานมากมาย และหลายระดับ ให้ละเล่น
… เรายังมีความรัก ความชอบ ความอยาก ความชัง ฯลฯ

ให้เราเป็น

… มนุษย์ … ไม่ใช่เครื่องจักร …

จาก อยากเพียงแค่ถ่ายรูปให้สวยทำไมต้องใช้กล้อง single lens

ห้วงนึง… คำนึงถึง …

มันก็แค่ความรู้สึกในห้วงนึง ในเวลาและสถานะการณ์นึงที่เกิดขึ้น ด้วยสภาพแวดล้อมที่กดดันสมองให้สั่งการความรู้สึกไปอย่างนั้น

แน่นอนตอนที่เขียนเนื้อหานี้ ในห้วงนึงของเวลา ห้วงนึงของความรู้สึก ห้วงนึงที่เราอยู่กับตัวเราเอง

มันได้บอกอะไรในตัวเรา ได้โดยไม่ต้องให้คนอื่นบอก ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ถ้าไม่หน้ามืดตามัวก็น่าจะรู้ว่า เหตุการณ์ต่อไปที่เกิดขึ้นมันจะเป็นอย่างไร

ตั้งแต่หลายปีก่อน จนถึงวันนี้ ผมยอมรับเรื่องราวต่างๆ ได้ดีมากขึ้น มากเพียงพอที่จะรับมือและยอมรับ ถ้าหากเหตุการณ์เดิมๆ จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้งนึง และแน่นอน มันเกิดขึ้นจริงๆ และหลายๆ ครั้งด้วย เจอแรกๆ ก็ยอมรับมันได้ยาก แต่พอเริ่มเจอบ่อยๆ เข้าก็เริ่มเข้าใจคำว่า “ชินชา” เข้าใจคำว่า “ตายด้าน”

ไม่โทษชะตา ไม่โทษใคร แต่คิดว่ามันคือจังหว่ะชีวิตที่แตกต่างของแต่ละคนที่ต้องเดินไปมากกว่า

บางครั้งก็มานั่งคิดว่า เราเจอเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยเดิมๆ บ่อยครั้ง แต่ก็ยังคงยอมรับตัวเองได้ว่าเราโง่ หรือจริงๆ แล้วเราไม่โง่ แต่ที่มันยังคงเกิดขึ้นกับตัวเราเอง แต่เพียงเพราะเราพลาดในสภาพเหตุการณ์แวดล้อมที่แตกต่าง แต่แนวทางเหมือนเดิมต่างหาก

สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างทำให้เรามองอะไรแตกต่างไป แม้ว่าจริงๆ แล้วเนื้อแท้คือสิ่งเดียวกัน ช่างน่าเศร้าที่เรายังคงวนเวียนแบบนั้น

ลองเล่นๆ แงะ Backup ของ iOS 4 เพื่อดึงการเก็บข้อมูลพิกัดของผู้ใช้งาน

จากข่าว iOS 4 เก็บข้อมูลพิกัดทุกคนไว้โดยตั้งใจ ก็เลยรู้สึกคันไม้คันมือลองของ เนื้อหาตอนนี้เขียนขึ้นเพื่อเตือนและให้ระมัดระวังตัว เพราะฉะนั้นหวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่อ่าน แน่นอน อุปกรณ์และตัวอย่างทั้งหมด ไม่ได้ jailbreak หรือ hack/crack แต่อย่างใด เพราะส่วนตัวแล้วนั้นผมใช้ iPod Touch 4 อยู่แล้ว และไม่ได้ jailbreak ใดๆ Apps ทุกตัวซื้อทั้งหมด และใช้งานตาม EULA ของ Apple ซึ่งตัว iOS ที่ใช้ก็ือ 4.3.2 ตัวล่าสุด! แน่นอนว่ามันมีข่าว ผมก็ต้องจัดสักหน่อย ดูว่าเป็นอย่างที่เค้าว่ากันว่าไหม

จากแหล่งข้อมูลอ้างอิง ผมใช้ข้อมูลตัวอย่างจากการ Backup เป็นหลักแล้วกัน ถ้าจะให้เข้าไปเอาจากในเครื่องเลย ดูจะเสียเวลาและดูยุ่งยาก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นข้อมูลที่เข้าถึงง่ายที่สุดและไม่ได้อยู่ติดตัวผู้ใช้ตลอด ทำให้โดนเอาไปใช้งานได้ทันที!!!! รหัสผ่านไม่ต้องกรอก แต่สามารถเข้าถึงเครื่องที่ iPhone/iPod Touch รุ่นนั้นๆ เคย Sync ไว้กับเครื่องของไว้ ก็จะสามารถนำข้อมูลส่วนนี้และนำไปใช้งานได้ทันที

เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าเอาไปให้ร้านมือถือ upgrade ให้ก็จงระวังให้หนักสำหรับเรื่องตรงนี้ครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพราะมันลากไส้มาตั้งแต่คุณ activate เครื่องในการซื้อครั้งแรกเลย เพราะงั้น ถ้าเราเอาข้อมูลพวกนี้มาทำสถิติก็จะพอบอกได้ว่าบ้านและสถานที่ที่ไปบ่อยๆ นั้นอยู่ที่ไหนบ้าง

เรามาเริ่มกันเลย การเข้าถึงแหล่งข้อมูล Backup นั้นผมอ้างอิง path ของระบบผ่าน Microsoft Windows 7

C:\Users\[Windows's User Name]\AppData\Roaming\Apple Computer\MobileSync\Backup\xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx-yyyymmdd-hhmmss

[Windows’s User Name]
ชื่อ User Name ของ Windows ที่ใช้งานอยู่

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
คือรหัส 40 ตัวอักษรที่ hash ไว้

yyyymmdd-hhmmss
วันและเวลาที่ backup

ใน directory ปลายทาง หาไฟล์ที่ชื่อ

4096c9ec676f2847dc283405900e284a7c815836
เป็นไฟล์ฐานข้อมูลของ SQLite และ “ไม่ได้เข้ารหัส”

ใช้ SQLite Manager ที่เป็น Extension ของ Mozilla Firefox เปิดเอาก็ได้แบบนี้!

Table ในฐานข้อมูลที่ต้องสนใจคือ CellLocation และ WifiLocation ครับ

จะได้ข้อมูลเวลา สถานที่ที่เป็น lat/long ชัดเจนมาก โชคดีที่ผมใช้เป็น Wifi แต่ถ้าเป็นมือถืออย่าง iPhone ก็จะอยู่ที่ CellLocation โครงสร้างก็ไม่แตกต่างกันครับ เอาข้อมูลไป lat/long ไปค้นหาใน Google Maps ได้ทันที จะเขียนโปรแกรม ฯลฯ ก็น่าจะยากสำหรับคนที่ต้องการติดตามตัวครับ!!!

เนื้อหาตอนนี้เป็นการตีแผ่และหวังว่าในอนาคต Apple จะปรับปรุงการเก็บข้อมูลส่วนนี้ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น และแจ้งผู้ใช้งานก่อนไม่ใช่อยากจะเก็บก็เก็บโดยไม่ได้บอกผู้ใช้ก่อนแบบนี้

ปล. เนื้อหาบทความนี้อาจจะอายุไม่ยืน ถ้ามีการแจ้งให้ลบบทความจากหน่วยราชการคงต้องลบนะครับ ;P

อ้างอิงจาก http://petewarden.github.com/iPhoneTracker/

หมายเหตุ : วิธีนี้จะใช้ได้ผลใน iOS รุ่นที่ต่ำกว่า iOS 4.3.3 ลงมา