ทำไมถึงใช้ BlackBerry

ขอทำเป็นข้อๆ แล้วกันนะ เป็นเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อ BlackBerry เลยแหละ

  1. ได้เวลาเปลี่ยนมือถือแล้ว มือถือนี่ผมใช้ประมาณปีครึ่งต่อเครื่องโดยเฉลี่ย ก็เลยได้เวลามองหามือถือใหม่สักที
  2. อยากได้แนวใหม่ๆ แต่ยังลงโปรแกรมเพิ่มเติมได้ มีอนาคตในการพัฒนาโปรแกรมใส่ไปได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ฝึกเขียนโปรแกรมบน BlackBerry บ้างแล้ว แต่ยากอิบอ้ายยย –_-‘ ยากกว่า Windows Mobile เยอะมาก T_T ประเด็นไม่ใช่ Java แต่เป็น IDE Tools ที่ห่างชั้นกันเยอะมาก ต้องใช้กำลังภายในเยอะกว่าปรกติ
  3. ราคาเครื่องโอเคสำหรับรุ่นถูกสุด BlackBerry Curve 8520 ราคามันก็ไม่ได้แพงอะไรมาก หมื่นต้นๆ และยังถูกกว่า HTC Pharos เครื่องเก่าตอนผมซื้อใหม่ๆ อีก อีกทั้งมันทำได้เกือบทุกอย่างที่ BlackBerry Bold 9700 รุ่น Top มีด้วย ที่แตกต่างกันก็แค่  มี GPS, มี Flash ของกล้อง, รองรับ 3G และ CPU ที่แรงกว่าหน่อย ซึ่งผมก็ว่ามันก็โอเคดีสำหรับการใช้งานของผมนะสำหรับ BlackBerry Curve 8520
  4. โปรโมชั่น internet unlimited ในราคา 650 บาท/เดือนของ DTAC ที่ถือว่าถูกสำหรับคนเคยใช้ data plan 1GB/เดือน ราคา 650 บาท !!! ซึ่งถ้าใช้มือถือยี่ห้ออื่นมันไม่มีให้!!!
  5. push service สำหรับ รับ-ส่งอีเมล นี่แหละที่ชอบ เพราะผมมันพวกบ้าอีเมล คือระบบ direct push ของ Windows Mobile มันก็โอเคนะ ใช้แล้วประทับใจในระดับพอใจ แต่ข้อเสียคือมันไม่ประหยัดแบตเท่า push service ของ BlackBerry แฮะ … แปลกดี อีกอย่างคือ direct push ของ Windows Mobile มันใช้กับอีเมลได้ account เดียว -_-‘ แต่ push service ของ BlackBerry ยัดไปเลย 5 account แถมยังใส่เพิ่มได้อีก (ไม่รู้ว่ามากสุดเท่าไหร่) ทำให้ไม่ต้องมาทำ forward mail เข้า account หลักอีกต่อไปสะดวกโคตร แถมยังควบคุม account ต่างๆ ผ่านหน้าเว็บได้ด้วย ไม่ต้องมานั่งกรอกบนมือถือให้เสียเวลา
  6. BlackBerry Pin … และแน่นอน BlackBerry Messenger ครับ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง … BlackBerry Messenger คือตอนแรกที่ไม่ใช้ก็งงๆ ใช้ Windows Live Messenger แทนไม่ได้เหรอ พอไปลองเล่นของคนที่เค้าใช้อยู่ แล้วให้เค้าแนะนำแล้ว อืมมม ระบบ group มันเทพได้ใจ คือ มันไม่ได้ใช้แค่คุยอย่างเดียว ไอ้แบบนั้น Windows Live Messenger มันก็ทำได้ Google Talk ฯลฯ มันก็ทำได้ แต่นี่มันสร้าง group แล้วมันใช้แชร์รูป ใน group แชร์ปฎิทินต่างๆ ได้ ส่ง PIN ยก group ให้ไปแอดได้เลย แถมตอนคุยกันยังส่ง clip เสียงขนาดเล็กไปได้ด้วย หมดปัญหาค่าโทรศัพท์ ส่ง clip เสียงเล็กๆ ไปๆ กลับๆ ดูน่ารักดี ไม่เชื่อลองใช้ดู อิๆๆ ;P
  7. Keyboard เฮ้ยยย นี่แหละสุดยอดการพิมพ์ข้อความบนมือถือ ทำไมเราเพิ่งมาเจอ !!! คือผมเข้าใจนะว่า Touch มันโอเค แต่ผมทำยังไงก็ไม่ชินกับ Touch Screen แฮะ ให้ตายเหอะ

สุดท้าย …. มันคือความพอใจส่วนตัว บางคนอาจจะชอบอีกอย่าง ผมอาจจะชอบอีกอย่าง ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วกันครับ

อะไรคือความนิรันดร์?

สิ่งที่ตาเห็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่สมองและหัวใจเรารับรู้

กล้องก็เช่นกัน สิ่งที่กล้องบันทึกอาจจะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ค่าสี bit/byte และข้อมูลจำนวนหนึ่ง

เพราะกล้องไม่มีจิตวิญญาณ ไม่มีจิตใจ มันทำหน้าที่แค่บันทึกภาพ ตามที่คนบันทึกภาพสั่งมันเท่านั้น

กล้องมันไม่ได้ใส่ความรู้สึกลงไปในภาพ แต่คนต่างหากที่จะใส่มันลงไป

แต่ก็คนอีกนั้นแหละ ที่มองภาพเหล่านั้นแตกต่างกัน

ความรู้สึกในภาพแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์การรับรู้ของคนคนนั้นที่มีต่อโลกใบนี้

สิ่งที่ตาเห็น แม้คงที่ แต่การเห็นของคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เช่นเดียวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ อยู่ตลอดเวลา

แต่ ณ. ชั่วขณะแห่งเวลาบันทึกภาพ  ความรู้สึกของผู้บันทึกภาพที่ถ่ายทอดลงไปในภาพจะอยู่ชั่วนิรันดร์

แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เห็น ความรู้สึกของผู้บันทึกภาพแม้คงที่อยู่ชั่วนิรันดร์

แต่การรับรู้ภาพนั้นๆ ของคนอื่นๆ ก็ยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นนิรันดร์เช่นกัน

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็น ที่รับรู้ ไม่เคยคงที่ ไม่เคยแน่นอน ไม่ว่าจะในตาคู่เดิม กล้องตัวเดิม คนคนเดิม สภาวะแวดล้อมเดิมๆ หรือ ในตาคู่ใหม่ คนคนใหม่ กล้องตัวใหม่ สภาวะแวดล้อมใหม่ก็ตามที

สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่อยู่ชั่วนิรันดร์ได้อย่างแท้จริงหรอก ทำใจและยอมรับมันซะ …

เมื่อวันที่ ผมล้ม

ขอเล่าเท้าความก่อนว่าวันจันทร์ที่ผ่านมายังดีๆ อยู่ กลับมาถึงห้องก็นั่งทำงานนิดหน่อย ตามประสาคนบ้างาน แล้วก็อาบน้ำนอนตามปรกติ ตื่นเช้ามา เกิดอาการหนาวสั่น แล้วก็ลุกไม่ขึ้นเลย แค่จะยกหัวก็ทำไม่ได้ โลกหมุนไปเลย เลยคิดในใจว่าเออ นอนสักพักคงหาย เลยนอนไปอีกหน่อย ตื่นมาก็ไม่หาย เลยส่งเมสเซสไปลางานครึ่งวันก่อน เพราะคิดว่าคงพักผ่อนน้อย อาการแบตฯ หมดของตัวเองตามปรกติ ปีนึงเป็นสักครั้งสองครั้ง บ่ายๆ คงลุกไปทำงานไหวตามเดิม สุดท้าย หัวหน้าก็โทรมาตาม ตอนนั้นเหลือบๆ ไปดูนาฬิกาแล้วก็บ่าย 2 ได้มั้ง ยังไม่หายมึน และโลกหมุนเหมือนเดิม เลยต้องลาเต็มวัน ตก 5 โมงเลยโทรไปหาแม่ว่า ไม่ไหวแล้ว โทรเรียกน้าให้มาหามไปโรงพยาบาลหน่อย (เหตุที่โทรหาแม่ เพราะเบอร์อยู่ใน speed dial กดปุ่มเดียวโทรได้เลย เพราะตอนนั้น ถ้ามานั่งไล่หาคงไม่ทันกิน)
พอน้ามาถึงก็ค่อยๆ พาตัวเองลงมาจากห้องไปโรงพยาบาล ไปถึงสภาพประมาณ "กูจะล้มแล้ว" ดีที่เค้าหารถเข็นมาพาเข้าห้องฉุกเฉินได้ ไม่งั้นคงได้หิ้วปีกเข้าห้อง ฉุกเฉิน ต้องให้น้าจัดการเรื่องประวัติคนไข้อยู่ด้านนอก วัดความดันก็ปรกติ แต่หัวใจเต้นแรงมากๆ วัดอุณภูมิร่างกายได้ที่ 39c แต่วัดซ้ำอีกรอบได้ 38.49c ซึ่งสูงมาก หมอบอก ขอตรวจเลือดหน่อย กลัวเป็น ไข้หวัด 2009 เพราะผมบอกหมอว่ามีอาการปวดกระดูกสันหลังร่วมด้วยร่วมด้วย เลยต้องนอนอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉิน อยู่อีกเกือบชั่วโมงเพื่อรอผลตรวจ ระหว่างนั้นก็คิดในใจ เฮ้ยยย ค่ารักษามันจะทำไหร่วะเนี่ย -_-‘ (ยังห่วงเรื่องเสียเงินอีก ไม่ได้หรอก ช่วงนี้ปั่นงาน ปั่นเงินอยู่ ยังมีแรงก็รีบๆ หา ออกแนวงก)
พอผลออกมาไม่ได้เป็นไข้หวัด 2009 โล่งอก แต่ … แล้วเป็นอะไรหล่ะหมอ … หมอก็ตอบไม่ได้ แต่อาการนี้คงติดเชื้อแบคทีเรียชนิดร้ายแรงเข้าไปสักตัว จนปริมาณเม็ดเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นถึง 14,000 unit จากที่คนปรกติเค้ามีกันแค่ 7,000 – 7,500 -_-‘ เอ่อ … หมอครับ นี่มันเท่าตัวเลยนะน่ะ … หมอเลยบอกว่า ต้องเล่นของแรง เดี่ยวฉีดยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดผ่านสายน้ำเกลือให้นะ มันจะค่อยๆ เข้าร่างกายใช้เวลาสักชั่วโมงคงหมอขวด !!! ยาเม็ดคงหายช้าไม่ทันใจวัยทำงาน หมอรู้ดี :O เพราะกว่าจะหายเป็นอาทิตย์โน้น …. แต่อันนี้ให้แล้วก็นอนพักสัก 3 วันกินยาเม็ดเหมือนกัน ก็หายเร็วกว่าเดิมมาอีก 2-3 วัน แล้วถ้าไม่อยากกลับมาอีก ก็ไม่ต้องไปหาเรื่องเอาเชื้อโรคมาเพิ่มใส่ตัวหล่ะ T_T โอเคครับหมอ จัดมา ผมงานเยอะ ต้องรีบกลับไปทำงานต่อ
ระหว่างที่รอให้ยาเข้าสู่ร่างกาย ที่ละน้อยก็คิดว่า ตูต้องรีบหาย งานเหลือเยอะมาก แล้วต้องกลับมาพักพื้นให้เร็วที่สุดแหละ แต่สุดท้าย พอมานอนนึกๆ ดู สุขภาพมันสำคัญสุดแฮะ …  มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อสุขภาพที่ดีไม่ได้  ตอนนี้ไม่ควรทำลายสุขภาพตัวเอง เลยคิดว่า เออหว่ะ ตอนนี้คงต้องเพลาๆ งานลงหน่อยแล้วกัน ไหวก็คือไหว ไม่ไหวก็อย่าไปโหม โดนด่า ก็โดนไป อย่าลืมว่าครอบครัวเราตอนนี้กูหาเลี้ยงอยู่คนเดียว ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี แถมถ้ามันกลับมาเป็นอีก ตูก็เสียเงินอีก แล้วมันจะจบเมื่อไหร่ -_-‘ จริงๆ ผมลืมสิ่งนี้ไปเลยแฮะ … ลืมไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นว่าเรื่องงานกับเวลาพักผ่อนตีกันให้มั่วไปหมด ตอนนี้ผมคงต้องกลับมามองเรื่องเวลาพักผ่อนใหม่อีกรอบแล้วมั้งว่าจะรับงาน เท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้นดีกว่า เพราะจะกลายเป็นเราทำงานเอาเงินมารักษาตัว แทนที่จะเอามาสร้างตัวเองให้ดีมากขึ้นแทน เฮ้อออ
แล้วสักพักผมก็ หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆ พยาบาลก็มาสะกิดเพื่อนเช็คสายน้ำเกลือ ไอ้เราก็เอ่อ ให้หมดแล้วเหรอสรุปยัง พยาบาลมาปรับให้ช้าลง !!! อ้ากกกกกก เค้าบอกให้เร็วเกินไป โอเคครับ -_-‘
พอให้ยาหมดครบ ก็ไปคุยกับหมออีกหน่อยนึง แล้วก็ได้เวลาระทึกใจ ก็คือ จ่ายเงิน!!!
แน่ นอน ฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลเอกชน ค่ารักษาย่อมไม่ธรรมดา แน่นอนค่ารักษาไม่เท่าไหร่ค่าจะพอรับได้ แต่…. ค่ายานี่ของจริง เพราะได้ยินเรื่องนี้มานาน แล้วก็ … เกือบ 5,000!!! โอ้วววว งานถ่ายรูป + Adsense ตู ….. T_T ไอ้เชื้อแบคทีเรียบ้า กูเกลือดเมิงงงงงงงง ……. นั้นหมายถึงค่าซ่อมเลนส์ Nikkor AF 80-200mm f/2.8 D ที่กำลังจะต้องไปจ่ายค่าซ่อมจากสิงค์โปร์เลยนะเว้ยยยยย T_T เศร้า …..
งาน นี้ป่วยไม่พอ เสียเงินเยอะอีก แถมกลับมารักษาตัวก็ไม่ได้พักอะไรเท่าไหร่ งานโน้นนี่วิ่งเข้ามาให้ทำอยู่เนืองๆ ไม่ได้หยุดอีก คือสภาพร่างกายอย่างช่างวันพุธนี่สมองเบลอไปเลย เดินๆ จะล้มหลายที สมองคิดอะไรแบบ งงๆ มึนๆ จะอ้วกหลายทีมาก ต้องเดินไปล้างหน้า ล้างคอ กลัวอ้วก ตอนเย็นกินข้าวไม่ลง แต่ต้องกินเพราะต้องกินยาจำนวนมากลงไปอีก -_-‘ วันพฤหัสดีหน่อย คิดอะไรต่อมิอะไรดีขึ้น แต่ยังเบลอๆ อยู่ แต่หลายๆ อย่างมันต้องทำเลยอัดน้ำเหลือแร่ gatorade ไป 2 ขวด (ลิตรพอดี) เลย ไม่งั้นอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะสภาพตอนนั้นสุดๆ เหงื่อออกเยอะมาก
พอ มาวันนี้ตื่นมาอาการถือว่าดีกขึ้นพอสมควร ยังมึนๆ ทำอะไรเร็วๆ ไม่ได้มาก ประกอบกับตอนเช้าต้องรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอตรวจโน้นนี่นิดหน่อย เช็คอุณหภูมิร่างกาย ความดัน แล้วก็สภาพทั่วไปแล้ว ก็บอกว่าทานยาวตามที่จ่ายไป น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าทานครบแล้ว ยังไม่หายดีแนะนำให้กลับมาตรวจซ้ำอีกครั้งนึง เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ตอนนั้นก็โอเคครับ ไม่มีอะไรเพิ่มเติม ก็เดินทางกลับมา กินข้าวแล้วก็นอนพักต่อหน่อย แล้วก็ยังต้องนอนพักเป็นระยะๆ สมองยังไม่คิดอะไรไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เพราะมึนหัวอยู่ อาการโลกหมุนยังมีอยู่ ถ้าขึ้นลงบันไดเยอะๆ คงเพราะเม็ดเลือดขาวมันยังเยอะอยู่ ทำให้เม็ดเลือดแดงมันน้อย ออกซิเจนมันเลยไปเลี้ยงสมองไม่พอแหละ -_-‘ ตอนนี้เลยค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำงาน หาทางแก้ไขไป งานที่มันกองๆ ก็ค่อยๆ เคลียร์ตามคิวงานไป
พรุ่งนี้ ไม่รู้เป็นยังไงมั่งแฮะ …. สู้ต่อไป ….  แน่นอน ทิ้งท้ายไว้ "หายใจไว้ ไม่ตายแน่" ….

Script PHP สำหรับแสดงรายการคนที่เราไป follow ว่ามีการ tweet ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

เอาไปแกะต่อกันเองนะครับ เขียนแบบลวกๆ ไว้ใช้งานคนเดียว แต่มีหลายคนอยากได้ก็เลยจัดให้ครับ

เอาไว้ดูว่าคนที่เราตามอยู่เนี่ยเลิกเล่น twitter ไปหรือยัง จะได้ไป unfollow ได้ เพื่อลดจำนวนคนที่เรา follow ครับ

<?php
error_reporting(0);

$type = 'friends'; // friends | following

$login = "username:password";
$cursor = -1;
$user_info = explode(':', $login, 2);
$req_num = 0;
$user_lists = array();

while($cursor != 0 ) {

    $req_num++;
    $tweeters = null;
    $retry  = false;
    $uri = "http://twitter.com/statuses/".$type.".xml?screen_name=".$user_info[0]."&cursor=".$cursor;

    $tw = curl_init();
    curl_setopt($tw, CURLOPT_URL, $uri);
    curl_setopt($tw, CURLOPT_USERPWD, $login);
    curl_setopt($tw, CURLOPT_RETURNTRANSFER, TRUE);
    curl_setopt($tw, CURLOPT_TIMEOUT, 30);
    $twi = curl_exec($tw);

    try {
        $tweeters = new SimpleXMLElement($twi);
    } catch(Exception $e) {
        $retry = true;
    }

    if(count($tweeters) > 0 ) {
        foreach($tweeters->users->user as $user) {
            $datetime = new DateTime($user->status->created_at);
            $timestmp = mktime(
                $datetime->format('H'),
                $datetime->format('i'),
                $datetime->format('s'),
                $datetime->format('n'),
                $datetime->format('j'),
                $datetime->format('Y')
            );
            $user_lists[$timestmp][] = $user;
        }
    }
    if(!$retry)
        $cursor = $tweeters->next_cursor;
}

if(count($user_lists) > 0 ) {
    ksort($user_lists, SORT_NUMERIC);
    foreach($user_lists as $timestmp => $user_list) {
        foreach($user_list as $user) {
            echo date("Y-m-d", $timestmp) . ' - ' . $user->screen_name.PHP_EOL;
        }
    }
}
echo PHP_EOL;
echo 'Req : '.$req_num.PHP_EOL;