เมื่อวันที่ ผมล้ม

ขอเล่าเท้าความก่อนว่าวันจันทร์ที่ผ่านมายังดีๆ อยู่ กลับมาถึงห้องก็นั่งทำงานนิดหน่อย ตามประสาคนบ้างาน แล้วก็อาบน้ำนอนตามปรกติ ตื่นเช้ามา เกิดอาการหนาวสั่น แล้วก็ลุกไม่ขึ้นเลย แค่จะยกหัวก็ทำไม่ได้ โลกหมุนไปเลย เลยคิดในใจว่าเออ นอนสักพักคงหาย เลยนอนไปอีกหน่อย ตื่นมาก็ไม่หาย เลยส่งเมสเซสไปลางานครึ่งวันก่อน เพราะคิดว่าคงพักผ่อนน้อย อาการแบตฯ หมดของตัวเองตามปรกติ ปีนึงเป็นสักครั้งสองครั้ง บ่ายๆ คงลุกไปทำงานไหวตามเดิม สุดท้าย หัวหน้าก็โทรมาตาม ตอนนั้นเหลือบๆ ไปดูนาฬิกาแล้วก็บ่าย 2 ได้มั้ง ยังไม่หายมึน และโลกหมุนเหมือนเดิม เลยต้องลาเต็มวัน ตก 5 โมงเลยโทรไปหาแม่ว่า ไม่ไหวแล้ว โทรเรียกน้าให้มาหามไปโรงพยาบาลหน่อย (เหตุที่โทรหาแม่ เพราะเบอร์อยู่ใน speed dial กดปุ่มเดียวโทรได้เลย เพราะตอนนั้น ถ้ามานั่งไล่หาคงไม่ทันกิน)
พอน้ามาถึงก็ค่อยๆ พาตัวเองลงมาจากห้องไปโรงพยาบาล ไปถึงสภาพประมาณ "กูจะล้มแล้ว" ดีที่เค้าหารถเข็นมาพาเข้าห้องฉุกเฉินได้ ไม่งั้นคงได้หิ้วปีกเข้าห้อง ฉุกเฉิน ต้องให้น้าจัดการเรื่องประวัติคนไข้อยู่ด้านนอก วัดความดันก็ปรกติ แต่หัวใจเต้นแรงมากๆ วัดอุณภูมิร่างกายได้ที่ 39c แต่วัดซ้ำอีกรอบได้ 38.49c ซึ่งสูงมาก หมอบอก ขอตรวจเลือดหน่อย กลัวเป็น ไข้หวัด 2009 เพราะผมบอกหมอว่ามีอาการปวดกระดูกสันหลังร่วมด้วยร่วมด้วย เลยต้องนอนอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉิน อยู่อีกเกือบชั่วโมงเพื่อรอผลตรวจ ระหว่างนั้นก็คิดในใจ เฮ้ยยย ค่ารักษามันจะทำไหร่วะเนี่ย -_-‘ (ยังห่วงเรื่องเสียเงินอีก ไม่ได้หรอก ช่วงนี้ปั่นงาน ปั่นเงินอยู่ ยังมีแรงก็รีบๆ หา ออกแนวงก)
พอผลออกมาไม่ได้เป็นไข้หวัด 2009 โล่งอก แต่ … แล้วเป็นอะไรหล่ะหมอ … หมอก็ตอบไม่ได้ แต่อาการนี้คงติดเชื้อแบคทีเรียชนิดร้ายแรงเข้าไปสักตัว จนปริมาณเม็ดเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นถึง 14,000 unit จากที่คนปรกติเค้ามีกันแค่ 7,000 – 7,500 -_-‘ เอ่อ … หมอครับ นี่มันเท่าตัวเลยนะน่ะ … หมอเลยบอกว่า ต้องเล่นของแรง เดี่ยวฉีดยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดผ่านสายน้ำเกลือให้นะ มันจะค่อยๆ เข้าร่างกายใช้เวลาสักชั่วโมงคงหมอขวด !!! ยาเม็ดคงหายช้าไม่ทันใจวัยทำงาน หมอรู้ดี :O เพราะกว่าจะหายเป็นอาทิตย์โน้น …. แต่อันนี้ให้แล้วก็นอนพักสัก 3 วันกินยาเม็ดเหมือนกัน ก็หายเร็วกว่าเดิมมาอีก 2-3 วัน แล้วถ้าไม่อยากกลับมาอีก ก็ไม่ต้องไปหาเรื่องเอาเชื้อโรคมาเพิ่มใส่ตัวหล่ะ T_T โอเคครับหมอ จัดมา ผมงานเยอะ ต้องรีบกลับไปทำงานต่อ
ระหว่างที่รอให้ยาเข้าสู่ร่างกาย ที่ละน้อยก็คิดว่า ตูต้องรีบหาย งานเหลือเยอะมาก แล้วต้องกลับมาพักพื้นให้เร็วที่สุดแหละ แต่สุดท้าย พอมานอนนึกๆ ดู สุขภาพมันสำคัญสุดแฮะ …  มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อสุขภาพที่ดีไม่ได้  ตอนนี้ไม่ควรทำลายสุขภาพตัวเอง เลยคิดว่า เออหว่ะ ตอนนี้คงต้องเพลาๆ งานลงหน่อยแล้วกัน ไหวก็คือไหว ไม่ไหวก็อย่าไปโหม โดนด่า ก็โดนไป อย่าลืมว่าครอบครัวเราตอนนี้กูหาเลี้ยงอยู่คนเดียว ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี แถมถ้ามันกลับมาเป็นอีก ตูก็เสียเงินอีก แล้วมันจะจบเมื่อไหร่ -_-‘ จริงๆ ผมลืมสิ่งนี้ไปเลยแฮะ … ลืมไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นว่าเรื่องงานกับเวลาพักผ่อนตีกันให้มั่วไปหมด ตอนนี้ผมคงต้องกลับมามองเรื่องเวลาพักผ่อนใหม่อีกรอบแล้วมั้งว่าจะรับงาน เท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้นดีกว่า เพราะจะกลายเป็นเราทำงานเอาเงินมารักษาตัว แทนที่จะเอามาสร้างตัวเองให้ดีมากขึ้นแทน เฮ้อออ
แล้วสักพักผมก็ หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆ พยาบาลก็มาสะกิดเพื่อนเช็คสายน้ำเกลือ ไอ้เราก็เอ่อ ให้หมดแล้วเหรอสรุปยัง พยาบาลมาปรับให้ช้าลง !!! อ้ากกกกกก เค้าบอกให้เร็วเกินไป โอเคครับ -_-‘
พอให้ยาหมดครบ ก็ไปคุยกับหมออีกหน่อยนึง แล้วก็ได้เวลาระทึกใจ ก็คือ จ่ายเงิน!!!
แน่ นอน ฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลเอกชน ค่ารักษาย่อมไม่ธรรมดา แน่นอนค่ารักษาไม่เท่าไหร่ค่าจะพอรับได้ แต่…. ค่ายานี่ของจริง เพราะได้ยินเรื่องนี้มานาน แล้วก็ … เกือบ 5,000!!! โอ้วววว งานถ่ายรูป + Adsense ตู ….. T_T ไอ้เชื้อแบคทีเรียบ้า กูเกลือดเมิงงงงงงงง ……. นั้นหมายถึงค่าซ่อมเลนส์ Nikkor AF 80-200mm f/2.8 D ที่กำลังจะต้องไปจ่ายค่าซ่อมจากสิงค์โปร์เลยนะเว้ยยยยย T_T เศร้า …..
งาน นี้ป่วยไม่พอ เสียเงินเยอะอีก แถมกลับมารักษาตัวก็ไม่ได้พักอะไรเท่าไหร่ งานโน้นนี่วิ่งเข้ามาให้ทำอยู่เนืองๆ ไม่ได้หยุดอีก คือสภาพร่างกายอย่างช่างวันพุธนี่สมองเบลอไปเลย เดินๆ จะล้มหลายที สมองคิดอะไรแบบ งงๆ มึนๆ จะอ้วกหลายทีมาก ต้องเดินไปล้างหน้า ล้างคอ กลัวอ้วก ตอนเย็นกินข้าวไม่ลง แต่ต้องกินเพราะต้องกินยาจำนวนมากลงไปอีก -_-‘ วันพฤหัสดีหน่อย คิดอะไรต่อมิอะไรดีขึ้น แต่ยังเบลอๆ อยู่ แต่หลายๆ อย่างมันต้องทำเลยอัดน้ำเหลือแร่ gatorade ไป 2 ขวด (ลิตรพอดี) เลย ไม่งั้นอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะสภาพตอนนั้นสุดๆ เหงื่อออกเยอะมาก
พอ มาวันนี้ตื่นมาอาการถือว่าดีกขึ้นพอสมควร ยังมึนๆ ทำอะไรเร็วๆ ไม่ได้มาก ประกอบกับตอนเช้าต้องรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอตรวจโน้นนี่นิดหน่อย เช็คอุณหภูมิร่างกาย ความดัน แล้วก็สภาพทั่วไปแล้ว ก็บอกว่าทานยาวตามที่จ่ายไป น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าทานครบแล้ว ยังไม่หายดีแนะนำให้กลับมาตรวจซ้ำอีกครั้งนึง เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ตอนนั้นก็โอเคครับ ไม่มีอะไรเพิ่มเติม ก็เดินทางกลับมา กินข้าวแล้วก็นอนพักต่อหน่อย แล้วก็ยังต้องนอนพักเป็นระยะๆ สมองยังไม่คิดอะไรไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เพราะมึนหัวอยู่ อาการโลกหมุนยังมีอยู่ ถ้าขึ้นลงบันไดเยอะๆ คงเพราะเม็ดเลือดขาวมันยังเยอะอยู่ ทำให้เม็ดเลือดแดงมันน้อย ออกซิเจนมันเลยไปเลี้ยงสมองไม่พอแหละ -_-‘ ตอนนี้เลยค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำงาน หาทางแก้ไขไป งานที่มันกองๆ ก็ค่อยๆ เคลียร์ตามคิวงานไป
พรุ่งนี้ ไม่รู้เป็นยังไงมั่งแฮะ …. สู้ต่อไป ….  แน่นอน ทิ้งท้ายไว้ "หายใจไว้ ไม่ตายแน่" ….

5 thoughts on “เมื่อวันที่ ผมล้ม”

  1. หายเปื่อยยังเพื่อน พักผ่อนเยออะๆ อย่าหักโหมงานล่ะ เงินไม่ใช่คำตอบของชีวิต (แต่ไม่มีเงินก็ไม่มีชิวิตอยู่ได้ :P)

  2. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าล้มที เงินที่หามาทั้งหมดจะหายไป แล้วมันก็จะเป็นวงเวียนนรก เงินหมด -> โหมทำงาน -> ป่วย -> เงินหมด -> โหมทำงาน -> … แล้วมันจะไม่จบสิ้นนะ

    พึ่งเข้าโรงพยาบาลมา หมดไป 75,000 เข้าใจเรื่องนี้ดี ( T_T ห้องครัวกู หายไปกับตา)

    • หายดีรึยัง พอดีเข้ามาในเว๊ป นี้้เ้พี่อกล่าวขอบคุณเรื่อง ทำให้ Windows XP ใช้ภาษาไทยได้ และสลับภาษาด้วย Grave Accent [~] เพราะ ขม ย้ายมาอยู่อิตาลี ใช้คอมแฟนนะคะ เกิดปัญหาในการสืือสาร อังกฤษก็ไม่่แข็งแรง เพื่อนแนะนำมาและก็ติดตั้งได้เรียบร้อยดีค่ะ หาทางติดต่อ ฟอร์ด ? เลยมาเจอ เม้นนี้เข้า เปงกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณแนวคิดดีของคุณค่ะ
      Fighting!!!!!!!!!!!

Comments are closed.