แรกเริ่มกับแนวคิดของนายฟอร์ด แอนทริทรัส

อันที่จริง ชื่อนี้มีความหมายมานานแล้ว สำหรับ “ฟอร์ด แอนทริทรัส” จริงๆ ตอนแรกใช้ “ฟอร์ด ดิจิตอล” ก่อน ซึ่งเพื่อนๆ ตั้งให้ในวงการคอมฯ ใน รร แต่ด้วยว่า ชอบหนังเรื่อง “แอนทริทรัส” มาก และประกอบกับ อะไรๆ ในตัวนักแสดงในเรื่องสื่อออกมา “มันโดนใจ” เลยทำให้กำเนิดชื่อนี้ขึ้นมาก 5555555 แต่จนแล้วจนรอด มันก็ต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นซิน่า จริงป่ะหล่ะ หุๆๆๆ ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังนะ

วิธีการเคลียร์ Customize Notifications ใน Windows XP

เคยไหมที่รู้สึกความยุ่งเหยิง รกรุงรังของ Customize Notifications ที่แสนจะมากมายกายกอง และทำให้เครื่องช้า วันนี้เราเอาเทคนิคในการ "ล้างบาง" มันออกไป …..

คำเตือน !!! ผู้จัดทำไม่ขอรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดพลาดจากบทความนี้เพราะเป็นบทความที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ Registry ของ Windows ซึ่งถ้าทำการผิดพลาด อาจจะถึงขั้นเข้าสู่ Windows ไม่ได้ กรุณาทำการ Backup Registry ของ Windows ก่อนทำทุกครั้ง

1. ไปที่ Run ที่ Start


ภาพหัวข้อที่ 1

2. พิมพ์ regedit


ภาพหัวข้อที่ 2

3. จะได้หน้าต่าง Registry Editor แล้ว ไปที่ [ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\TrayNotify ] เพื่อทำการแก้ไขในสิ่งที่เราต้องการ โดยที่เรามาถึง HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\TrayNotify แล้ว จะมีคอลัมน์ 3 อันด้วยกัน แต่ในครั้งนี้เราจะแก้ไข เพียงคอลัมน์ Data ของส่วนที่ชื่อว่า IconStreams และ PastIconsStream ที่เป็นเลขฐาน 16 เท่านั้น


ภาพหัวข้อที่ 3

4. เลือกที่ IconStreams แล้วทำการ Double Clicks จะได้หน้าต่าง Edit Bianry Value แล้วทำการ Select All แล้วทำการ "ลบข้อมูล" ในหัวข้อ IconStreams ( ที่เป็นเลขฐาน 16 ) แล้วกด OK


ภาพหัวข้อที่ 4.1


ภาพหัวข้อที่ 4.2


ภาพหัวข้อที่ 4.3

5. เราก็จะได้ผลดังภาพหัวข้อที่ 5 ซึ่งในส่วนของ Data ที่เป็นของ IconStreams จะกลายเป็น (zero-length binary value)


ภาพหัวข้อที่ 5

6. ต่อมาเราก็ทำการ "ลบข้อมูล" ในหัวข้อ PastIconsStream โดยเลือกที่ PastIconsStream แล้วทำการ Double Clicks จะได้หน้าต่าง Edit Bianry Value แล้วทำการ Select All แล้วทำการ "ลบข้อมูล" ในหัวข้อ PastIconsStream ( ที่เป็นเลขฐาน 16 ) แล้วกด OK


ภาพหัวข้อที่ 6.1


ภาพหัวข้อที่ 6.2

 

7. เราก็จะได้ผลดังภาพหัวข้อที่ 7 ซึ่งในส่วนของ Data ที่เป็นของ PastIconsStream จะกลายเป็น (zero-length binary value) ด้วยเช่นกัน


ภาพหัวข้อที่ 7

8. ปิดโปรแกรมทั้งหมดที่เกียวกับ Windows Explorer หรือถ้าให้ดี ปิดให้หมดเลยดีที่สุด

9. แล้วเปิด Task Manager (จะใช้ Ctrl+Alt+Del หรือว่าจะใช้การคลิ้กเมาส์ขวาที่ Task Bar แล้วไปที่ Task Manager ก็ได้) แล้วไปที่แท็ป Processes

10. หา Explorer.exe แล้วทำการ End Process แบบภาพหัวข้อที่ 10


ภาพหัวข้อที่ 10

11. เมื่อ End Process แล้ว Task Bar จะหายไป และระบบ Windows Explorer จะใช้การไม่ได้ ไม่ต้องตกใจ

12. ในหน้าต่าง Task Manager ไปที่ File ที่ Menu bar และไปที่ New Task แล้วทำการพิมพ์ "explorer" เพื่อทำการเรียก Explorer.exe กลับมาอีกครั้ง


ภาพหัวข้อที่ 12.1


ภาพหัวข้อที่ 12.2

10. เมื่อทำครบทั้งหมดแล้ว ระบบจะทำการ Reset ค่าใน Customize Notifications ใหม่หมด หลังจาก ที่เราทำการเรียก Explorer ขึ้นมาอีกครั้งนึง ถ้าจะให้ดี ทำการ Restart เครื่องด้วยจะดีมาก …… เพราะว่ากันการผิดพลาด

ข้อสังเกตุ ถ้าคุณทำถึงข้้อที่ 7 แล้วแต่ไม่ได้ทำการ End Process ของ Explorer.exe และ New Task ใหม่ เมื่อ Restart อีกครั้งระบบจะไม่ Reset Customize Notifications ให้นะครับ

มันจะเป็นบทสรุปของการว่า “ทำไมต้องมีแฟน” หรือเปล่า

     จากหนังสือทางด้านจิตวิทยาเบื่องต้น ว่าการมีแฟน ผลดี ผลเสีย เป็นอย่างไรนั้นยังไม่มีใครตอบได้ครับซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามันขึ้นอยู่ที่บุคคลนั้นตามแต่สภาพแวดล้อมต่างๆ ครับ

ทำไมเหรอ ? เรามาดูกันดีกว่า

     ถ้าคนพากันทำตัวดี ช่วยกันเรียน ไม่ไปทำในเรื่องผิดศีลธรรม การเป็นแฟนก็จะมีแต่ผลดีในเชิงสร้างสรรค์ พ่อแม่ และคนรอบข้างก็สนับสนุน ซึ่งแทบจะไม่มีผลเสีย

     ถ้าคนพากันเลว พากันเที่ยว พากันไปโน้นไปนี่ ทิ้งการเรียน ไม่มีพ่อแม่ของใครจะไม่ปฏิเสธว่ามีผลดี มีแต่ผลเสีย

     แต่ปัญหาสำคัญคือ "พ่อแม่เสียใจ" ถ้าเราทำตัวไม่ดีผิดจากที่เราควรจะเป็น ผิดต่อหน้าที่นั้นๆ ในช่วงนั้นๆ ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น

 เพราะอะไรเหรอ ?

     ตรงนี้เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วัยในช่วงไหนบ้างที่เหมาะ และไม่เหมาะ ที่ไม่เหมาะเพราะอะไรและจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง

     หน้าที่ในการเรียนถ้าพูดตรงนี้แล้ว คู่ไหนที่เป็นแฟนกัน หรือดูๆ กันแล้วไม่ก่อให้เกิดปัญหา เนื่องจากการทำหน้าที่เรียนได้ดี และทำกิจกรรม เข้าร่วมงานสังคมได้สม่ำเสมอ ไม่ผิดประเพณีของสังคม นั้น และปฏิบัติไปพร้อมกับการเป็นแฟนกัน เป็นอะไรที่ทำได้ไม่ยากเลย เพราะว่าในชีวิตช่วงการทำงานนั้นยากกว่าเรียน ทำไมยังทำงานไปอยู่เป็นแฟนเป็นคู่ไปได้ล่ะครับ

 ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้ !!!

     แต่อยู่ตรงที่ว่าเรายับยั้งชั่งใจได้มากแค่ไหนเมื่ออยู่ในสถานที่ล่อแหลม (ขอใช้คำแรงหน่อยนะ) …..

 เพราะอะไรน่ะเหรอ ?

     เพราะว่าอารมณ์และสถิติ รวมไปถึงวุฒิภาวะของวัยต่างๆ ไม่เท่ากัน ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้

ซึ่งปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ "ทำให้บุพการีเสียใจ" และนำพาไปสู่สิ่งต่างๆ ที่ไม่คาดฝัน

     ฉะนั้น ผมจึงมองว่า หากพ่อแม่รับได้ สังคม ok กับสิ่งที่ทั้งคู่ทำ การจะเป็นแฟนไปด้วยเรียนไปด้วยก็ไม่มีใครว่า ซึ่งถ้าพ่อแม่รับไม่ได้ ก็ไม่ควรเป็นแฟนกันครับ อันนี้ตอบแบบตรงๆ เราเปลี่ยนความคิดพ่อแม่เราไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนตัวเราครับ เราต้องปรับตัวเราให้เข้ากับสังคม และความเข้าใจเพราะว่า พ่อแม่ ย่อมรู้จักเราดีมากกว่าคู่(แฟน) ของเรา นั้นทำให้เราควรอดทนเสียหน่อย คบกันเป็นเพื่อนไปแบบอยู่แยกกันซึ่งก็ไม่เห็นเสียหลายตรงไหนครับ ดีซะอีกจะได้เป็นการลองใจกัน ดูกันยาวๆ ผมว่าดูดีและไม่มีอันตรายต่อตัวเองตัว

     แต่ถ้ามีพ่อแม่หรือครู(อาจารย์) ห้ามคบเป็นเพื่อนเลย อันนี้นี่ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะว่าใจคนนั้นห้ามยากให้เค้าเปิดอกคุยกัน ดูเค้าห่างๆ ให้ตัวเราเหมือนเป็นเพื่อนคอยแนะนำการใช้ชีวิตห่างๆ ทำให้เค้าเห็นเราเป็นคนที่ปรึกษาได้ เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดงันเกิดขึ้นอย่างน้อยๆ เค้าก็บอกเรา ปรึกษาเรา จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยเหลือกัน นั้นคิดสิ่งควรทำ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้วแก้ไขไมได้ แต่ป้องกันได้ ครับ

     หลายคนก็บอกว่าถ้าไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียใจ ก็ไม่เห็นต้องเป็นแฟนกัน เพราะว่าไอ้คนที่เข้ามาในชีวิตลูกเค้าก็ไม่รู้ว่ามันจะมาอีแบบไหน มันจะมาหวัง … หรือยังไง อันนี้แนะนำว่า ให้เป็นที่ปรึกษาอย่าไปห้ามทันทีทันใด จะกลายเป็นว่าทำให้เค้าแอบคบกัน หลับหลังเราเปล่าๆ

     แต่แนะนำว่าคบกันเป็นเพื่อนไปก่อน ก็ได้ครับ แต่ถ้าพ่อแม่ยอมรับ ok กับเค้าแล้ว อันนี้ต้องคิดเองแล้ว ว่าจะยังไง เพราะว่าอนาคตเราต้องตัดสินชีวิตเราเองบ้าง และการคบกันเป็นเพื่อนกันนั้นอย่างน้อยๆ ก็ทำให้มีคนช่วยคิด ช่วยเรียน ช่วยปรึกษา จริงไหมครับ