ทำไมไม่เคยมีใครฟ้อง Apple เรื่องการผูกขาด เหมือน Microsoft โดน

ข้อความจาก แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรมบน App Store ด้วยข้อหา "แข่ง iTunes"

ทำไมไม่เคยมีใครฟ้อง apple เรื่องการผูกขาด เหมือน Microsoft โดน

แล้วมานั่งคิด ๆ ดูแล้วก็ เออ จริงหว่ะ -_-‘

ตัวเองผูก Safari ลงไปกับ Mac OS X แต่ไม่โดยฟ้องแบบ Windows ที่ผูกกับ Internet Explorer หรืออย่างมี Quicktime/DVD Player ใส่มาพร้อมแบบเดียวกับ Windows Media Player ยังไม่รวม iTunes, iPhoto, iMovie, iDVD, iWeb และ GarageBand ที่มากับ iLife ที่มากับเครื่องที่ซื้อในรุ่นใหม่  ๆ อีกนะ (ตัวอย่างนี้ยกมาจาก Macbook ) แต่ทำไม Apple ดันไม่โดนอะไรเลยในเรื่องของการผูกขาดหล่ะเนี่ย -_-‘ อืมมม น่าคิด ๆ

 

24 thoughts on “ทำไมไม่เคยมีใครฟ้อง Apple เรื่องการผูกขาด เหมือน Microsoft โดน”

  1. เข้าใจว่าเป็นเพราะว่ายอดขายยังไ่ม่เยอะนะ กะอีกประเด็นคือ Apple อนุญาตให้เลือกลงได้ไม่เหมือน Microsoft ที่ version แรกสุด(นานโคตรๆ)บังคับลงอ่ะ … มั้งนะ… :D

  2. ผมไม่เคยลงแมค เคยแต่ลูบๆคลำของเพื่อน เลยไม่รู้ว่ามันยังไง แต่ว่า Mac เลือกไม่ลงพวกนี้ได้ด้วยเหรอ

  3. อย่างน้อย Mac รุ่นหลังๆ ก็ให้เราเลือกได้แล้วว่า
    จะใช้ OSX หรือ Windows !!!!!

  4. Rising-Top – แต่ว่ามันก็มี software bundle ซึ่งก็คือ Mac OS X และ iLife มาให้อยู่ดีครับ ผมยังไม่เห็นมีร้านไหน หรือที่ใดที่จำหน่าย Mac แล้วเลือกได้ว่าจะไม่เอา software bundle ได้เลย โดนยัดมาทั้งหมด โดยไม่มีทางเลือกที่จะเอา หรือไม่เอา แบบเดียวกับเครื่อง Windows PC ทั่วไปนั้นแหละ ที่ยี่ห้อต่าง ๆ ใส่ Windows OEM มาให้

    ส่วนที่ว่า Mac มันจะลง Windows ได้ ถามก่อนว่าใช้ Windows มีลิขสิทธิ์หรือเปล่าครับ -_-‘

    แล้วต่อมา Mac OS X นั้น Apple ยินยอมให้เอามาลงใน Windows PC ได้ไหมนอกจาก Apple Production ของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะมีการ Hack เอามาลงได้ แต่มันก็ผิดลิขสิทธิ์เช่นเดียวกับคนใช้ Mac ที่เอา Windows ไปลงนั้นแหละ ถามหน่อยว่าซื้อ Windows ลิขสิทธิ์ไปลงสักกี่คนครับ

  5. เพราะ Microsoft เป็นบริษัท
    ส่วน Apple เป็นศาสนา

    ไม่ได้กวนนะ เหอๆๆ

  6. คนดีคนชั่วทำเรื่องเดียวกัน คนดีได้รับการยกย่อง คนชั่วโดนประนาม (คนดีคนชั่วในที่นี้เป็นเรื่องของภาพลักษณ์)

    ส่วนทางกฎหมายนี่ ตราบเท่าที่มันยังไม่ไปกินผลประโยชน์ของใครมาก ก็คงไม่มีใครมาเสียเวลานั่งฟ้องร้องให้เสียเงินไม่คุ้มกับที่ได้มา

  7. panuta – ก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ ผมก็คิดเชิงแนวนี้เหมือนกัน ต้นทุนทางความรู้สึกมันต่างกัน

  8. บางคนกำลังหลงศาสดา เลยมองว่า คนที่ไม่ใช้ตามตน ถือว่าผิด
    ลองดูไมโครซอฟต์ทำอะไรก็โดนว่าไปหมด แต่พอ apple ทำแล้วยกย่องสรรเสริญ ทั้งๆ มันก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร

    ฟอร์ดน่าจะไปตั้งในบอร์ด ของ blognone ด้วยน่ะ จะได้มีคนวิจารณ์เยอะ
    เดี่ยวจะไปตั้งอีกอันว่า “คุณคิดว่า google ผูกขาดด้านตลาดออนไลน์หรือปล่าว” ฮาๆๆ
    ลิงค์ http://www.blognone.com/node/8951

  9. plynoi – ประเด็นศาสนา น่าจะทำให้คนหลงผิดเป็นชอบไหมครับ

  10. ถ้าคุณเริ่มเล่นคอมฯก็เห็น Windows มีทุกอย่างแล้ว แล้วเลยสงสัยว่าทำไม Apple ยัดนู่นนี่มาได้โดยไม่โดนฟ้อง ขอให้ไปหาเครื่อง Mac สมัย 15 ปีก่อนมาดูได้ว่า Qicktime, video player ฯลฯ มันมีอยู่แล้วก่อนที่รายอื่นจะทำ และก่อนที่ Windows จะรู้จัก multimedia หลายปี

    ที่ Apple ไม่โดนฟ้อง เพราะเขาทำมันมาก่อนที่คู่แข่งจะเข้าตลาด ไม่ได้ไปแย่งตลาดที่คนอื่นทำมาก่อนแล้วโดยการเลียนแบบแล้วค่อย bundle มากับ OS

  11. ที่ Safari เกิดขี้นมา เพราะ IE บนแมคมันห่วยมาก
    เริ่มแรก MS มาดีลกับ Apple ของให้ Bundle IE บนเครื่อง Mac เพื่อที่จะเอาชนะ Netscape เพราะสมัยนั้นบนแมคมีแต่คนใช้ Netscape
    พอเสร็จศึกเบราเซ่อร์ MS ก็เลิกสนใจพัฒนา IE บน OS X ดองเป็นเวอร์ชั่นเก่าไม่อัพเดทอยู่หลายปี จน Apple ต้องลงมาทำเอง เพราะไม่งั้นก็ต้องยืมจมูกชาวบ้านหายใจไปเรื่อยๆ และกลายเป็นว่า ใช้ Mac เปิดเวปเพี้ยน เพราะ IE บนแมคมันล้าหลัง

    ยังมิพักต้องพูดถึง Office for Mac ที่ MS เกิดขี้นมาได้ก็เพราะทำ Word/excel for Mac มาก่อนที่จะมีเวอร์ชั่น Windows เสียอีก แต่ก็อีหรอบเดียวกัน คือเมื่อชนะศึก ฆ่าคู่แข่งตายหมดแล้ว ก็กั๊กการพัฒนาเวอร์ชั่น Mac ให้ช้าและห่วยกว่าบน Windows เพื่อให้การทำงานบน Windows ดูดีกว่า…
    ดังนั้น iWork จึงเกิดขี้นมา

    iLife นี่เกิดขี้นมาจากแนวคิด Digital Hub ของ Apple ตั้งแต่เกือบๆ สิบปีก่อน ซึ่ง Apple เป็นรายแรกๆที่ประกาศแนวทางนี้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะค่อยๆปล่อยซอฟท์แวร์ชุดนี้ออกมา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ไม่เห็นมีผู้ผลิตรายอื่นที่จะมีแนวคิดอันนี้ ทั้งชุด media player, video editor ของ windows ก็ออกมาหลัง Apple หลายปีอีกนั่นแหละ

  12. ถ้าเป็นอย่างที่คุณ cbd พูดไว้ อย่างนี้ก็แสดงว่า microsoft เดินตามตูด apple มาตลอดเลยสินะ ทำกลยุทธ์ตีหัวเข้าบ้านพอได้ผลประโยชน์แล้วก็ทิ้งไป ช่างน่าสรรเสริญ

  13. cbd – แล้วสิ่งที่ Apple ทำกับ Konfabulator และการกระทำของตามลิงค์ด้านบนคืออะไรครับ ถ้าไม่ใช่การผูกขาด -_-‘

  14. Safari vs. IE:

    คุณ unisntall Safari ได้นะ (แล้วไปลง IE for Mac หรือว่า firefox แทน) แต่ว่าคุณ uninstall IE ไม่ได้ (Microsoft บอกเองว่า uninstall แล้วทำงานไม่ได้) นั่นคือเหตุผลที่บอกว่า Microsoft ผูกขาด แต่ Apple ไม่ผูกขาด

    iLife:

    ก็เหมือนกับที่ Windows ลง Notepad มาให้นะครับ นั่นคือมีให้ แต่ไม่ใช้ก็ได้ ถามว่าผูกขาดมั้ย ถ้าไม่ชอบก็ uninstall ไป แล้วลงอย่างอื่นได้ ถ้าจะบอกว่า การลง Application มาให้แล้วเป็นการผูกขาด ต้องคิดว่า OS = kernel + application นะครับ ลองคิดภาพว่า ลง Windows แล้วมันไม่มี Application อะไรเลยซิ ก็เหมือนกับลง OS X แล้วไม่มี application (เช่น iLife) นั่นแหละ ไม่งั้น OS ไหนในโลกก็ผูกขาดหมดแหละ (Dos ยังมี sys กับ format มาให้เลย :P)

    Konfabulator + App Store:

    Apple เลวจริง

    สรุป: ในสมัยก่อน Apple ไม่ถูกฟ้อง เพราะว่ามันไม่ผูกขาดไงครับ ประเด็นการผูกขาดหรือไม่ผูกขาดมันอยู่ที่ว่าไปกีดกันคู่แข่งหรือเปล่า หรือว่าเปิดทางเลือกให้กับผู้ใช้หรือเปล่า ของ Microsoft โดนเพราะว่าไปบอกว่า IE เอาออกไม่ได้นะ ออกแล้ว Windows ทำงานไม่ได้ แต่ Apple ไม่มีแบบนั้น ก็เลยยังไม่โดน

  15. อีกประการคือ web application ที่พัฒนาด้วย Active X control ของ MS นั้น web Browser อื่นไม่สามารถเปิดได้ นอกจาก IE เท่านั้น อย่างนี้ซิครับ ฝูกขาด เพราะที่ทำงานผมเค้าใช้แบบนี้อยู่ แต่ผมชอบที่จะใช้ firefox เพราะเร็วกว่า IE พอสมควร แต่เวลาใช้งาน web Application ของหน่วยงาน ก็ต้องเปิด IE อีกอยู่ดี แทนที่จะเปิดได้จาก FireFox ได้เลย ส่วนใน OS X นั้น ยกเว้นเวปที่ใช้ Active X พัฒนาสามารถเปิดได้ตามปกติครับ ไม่ว่าคุณจะใช้ Safari หรือ Firefox หรือ web Browser อื่นๆ

  16. @Ford AntiTrust

    ตอบแยกเป็นเรื่องๆ

    -เรื่องโปรแกรม Podcaster กับ MailWrangler บน App store ผมไม่เห็นด้วยกับ Apple อย่างแรงเหมือนกันครับ อันนี้ช่วยด่าเลย…

    -เรื่อง Konfabulator ผมเชื่อว่าคุณคงไม่เคยใช้สมัยมันรันบน OS X (และคนไทยส่วนมากที่ยังกัด Apple เรื่องนี้ 90% ก็ไม่เคยใช้มัน แต่จะเอามาเถียงเพื่อความชอบธรรมในการมี gadget ของ Vista)
    ผมใช้ตั้งแต่มันเป็น beta บน Jaguar และเคยซื้อเพราะอยากสนับสนุน.. แต่ตอนใช้ ก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นอะไรที่ใหม่ ในแง่ของ desktop accessary บนหน้าจอเครื่องแมค…

    ไม่เชื่อก็ดูหน้าจอ Mac System 1.1 จากปี 1984 ครับ
    http://freemac.net/files/da_mac_1_637.png

    ตามความจริงแล้ว สิ่งที่เป็น Desktop widget นี่เป็นโครงการที่เริ่มมาจากการร่วมมีอกันของ Apple และ IBM อยู่ในโครงการ Taligent สมัยปี 1994
    concept ของมันก็คือ objects บน desktop ที่ไม่ใช่ icon ธรรมดา แต่เป็นโปรแกรมเล็กๆ ที่มี interface ติดต่อกับผู้ใช้ด้วยตัวของมันเองบน desktop

    หลังจากนั้นก็แยกกันไปพัฒนา IBM ก็เอาไปพยายามต่อบน OS/2 ซึ่งล่มสลายไป Apple ก็เคยมีเป็น preview บน OS ตัวที่ไม่ได้ออกมาจริงก่อนจะไปซื้อ NeXT และยังมีผู้พัฒนาอื่นๆ เอาแนวคิดนี้ไปผลิตเวอร์ชั่นต่างๆขี้นอีกอย่าง konfabulator หรือ desktopX
    แต่แนวคิดทีแรก เป็นเครดิตของ IBM และ Apple

    ที่ Konfabulator ไม่ได้ฟ้อง เพราะทาง Apple จะมีหลักฐานที่เป็นสาธารณะหลายตัวเอามายืนยันว่าโปรเจคที่มีแนวคิดแบบเดียวกันนี้ใน Apple มันมีมายาวนานกว่า เพียงแต่มันไม่ได้อยู่บน OS X เท่านั้นเอง แต่มันก็เป็น property ของ Apple ซึ่งเค้ามีสิทธิที่จะเอามาใช้
    และ Taligent เป็น Objective-C แต่แรก
    -Konfabulator ทำบนจาวา
    Dashboard ก็เป็น Objective-C

    ถ้า Apple ต้องจ่าย Konfabulator งั้น Vista ก็ควรต้องจ่ายให้ DesktopX ด้วยตรรกะเดียวกันครับ

  17. เรื่องประวัติอะไรต่าง ๆ ผมไม่แม่นเท่าไหร่หรอกครับ เพราะผมก็ไม่ไ้ด้ใช้ Mac อะไรมากมายนักใช้ในช่วงสั้น ๆ และสัมผัสกับ Mac Platform มาได้สัก 2-3 ปีเท่านั้น แต่ตามอ่านประวัติศาสตร์ต่าง ๆ เพราะสนใจ

    เอางี้ดีกว่า จะได้จบประเด็นกันไป เพราะผมคิดว่าเรามาคุยกันด้วยเหตุผลแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็ไม่จบหรอกผมว่า เหมือนไก่กับไข่นั้นแหละครับ เพราะมุมผมก็ ok ในส่วนของมุมที่ผมรู้ ส่วนคนใช้ Mac ก็จะได้เรื่องอื่น ๆ ที่มากกว่า ซึ่งมองคาดว่าจะยาวแน่ จริง ๆ ต้องบอกว่า ผมไม่ได้ไปหาเรื่องอะไรเลยนะเนี่ย -_-‘ เพียงแต่ว่าผมไปสะกิดคำใน blognone (ตามลิงค์ด้านบน) แล้วก็เอามาคิดว่า เออ จริงของเค้าเหมือนกันนะ เลยมาขยายต่อสักหน่อยให้ได้มุมที่เห็นชัดก็เท่านั้นเอง

    ส่วนมันจะจริงแค่ไหนยังไง หรือมันมีตื่นลึกหนาบางยังไง นั้นผมมองว่าต้องดูกันเพิ่มเติม เพียงแต่ว่าถ้าเราเอาแต่ส่วนที่เราสัมผัสแล้วมันชวนให้คิดแบบนั้นจริง ๆ ก็เท่านั้นเอง

  18. ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นครับ :) ก็ถือว่ารบกวนเนื้อที่ของ blog คุณมาพอสมควร

    จริงๆก็เพียงแต่อยากจะตอบตามกรอบที่คุณตั้งไว้ว่า \’ทำไมไม่มีใครฟ้อง Apple ในเรื่องนี้\’ ซึ่งถ้าทราบที่มาที่ไปก็อาจจช่วยได้บ้างครับ อย่างตามเหตุที่ผมว่ามา ถ้าสมมุติวันนี้ MS จะฟ้อง Apple ว่าบังคับใส่ Safari, iWork มาบน Mac ทำให้ IE กับ Office ขายไม่ได้ ผมก็ว่ามันจะฮามากกว่าถ้ามีการลำดับเรื่องราวกันในศาลอ่ะนะ

  19. cbd แต่มันก็เป็นพฤติกรรมเดี่ยวกันน่ะครับ
    เป็นอันว่า ถ้า Microsoft สามารถลบโปรแกรมที่แถมมาได้
    เรื่องการผูกขาด ที่ว่า แถมโปรแกรมมาด้วย ผมหวังว่าคงลดข้อหา ผูกขาดซอฟต์แวร์์ได้น่ะครับ

    แต่ผมเห็นว่า มันยังมีอีกหลายอย่าง ที่มองแล้วจะผูกขาด เช่น ปฎิเสธ โปรแรกมที่ทำงานคล้ายกันใน iPhone
    กับ อุปกรณ์ต่อพ่วงทำไม่ต้องซืื้อเฉพาะของเขาถึงจะใช้งานบ้างอย่างได้น่ะครับ

  20. cbd: ขอบบคุณสำหรับข้อมูลครับ แต่เห็นด้วยว่า Apple จะโดนฟ้องเพราะ app store นี่เข้าสักวัน

    mokin: Microsoft ถึงต้องทำให้ Windows เลือกใช้ software ตัวอื่นสำหรับพวก Media player อะไรพวกนั้นได้นะครับ (ความสามารถนี้ เพิ่มขึ้นมาหลังจากโดนฟ้อง) แต่ว่าก็ยังไม่ยอมเรื่อง IE อยู่ดี (ทั้งทีมีคนทำ XPLite ออกมาให้ดูแล้วว่า IE มันเอาออกได้)

    Ford Antitrust: เออ งงนิดๆ ไม่ให้คุยด้วยเหตุผลและข้อมูล แล้วจะให้คุยกันด้วยอะไรครับ? อารมณ์? ถ้าข้อมูลเรารู้มามันผิด ก็ดีแล้วที่จะได้เข้าใจได้ถูก ถ้ามันเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ ก็แค่แสดงออกมาว่าคิดว่ายังไง ก็เล่าสู่กันฟังไป เรารู้จักโลกได้กว้างขึ้นด้วยขาและด้วยหูนะครับ(อ้อ ด้วยตาด้วย สมัยนี้)

    Apple ใช่ว่าจะไม่เคยเจอ Antitrust suit นะครับ เพียงแต่ว่ามันไม่ดังเท่าของไมโครซอฟท์แค่นั้นเอง ล่าสุดนี่ก็เจอ counter-sue จาก Plystar นะครับ ก่อนหน้านี่ก็เคยเจอจากกรณี iTunes มาเหมือนกัน ดังนั้นจริง ๆ แล้วประโยคที่ว่า “ทำไมไม่เคยมีใครฟ้อง apple เรื่องการผูกขาด เหมือน Microsoft โดน” นั้นก็ไม่จริงนะครับ ลองหาข้อมูลเพิ่มดู

  21. lulu – คือที่บอกแบบนั้นไปว่าไม่พูดถึงเหตุและผลกันอีกเลย แต่ผมหมายถึงการโต้ตอบไปมาเนี่ยมันก็ไม่จบอยู่ดี เพราะว่าประเด็นตรงนี้มันอยู่ที่มุมของคนที่มองลงมาครับ มันมี bias ของแต่ละมุมกันอยู่ และเหตุ/ผลส่วนของผมของผมในมุมของประวัติศาสตร์คงมีไม่มากพอเพราะผมก็ไม่ได้ใช้สินค้า Apple มายาวนานพอ แต่ที่ผมนำเสนอคือซึ่งผมมองในมุมของของการเปิดมุมและแนวคิดใหม่มากกว่าที่จะมาโต้วาที หรือถกเถียงประเด็นเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดครับผม เพราะเรื่องของ Apple กับ Microsoft เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ประมาณว่าเขียนเพื่อให้ลองคิดเล่น ๆ ว่ามันจริงไหม หรือว่ายังไงมากกว่าครับ

Comments are closed.