Transformers หนังดีที่ควรไปดู (ไมเคิล เบย์ รับประกันความวินาศสันตะโร)

คราวนี้มาเขียนบอกเล่าหนังที่ไปดูสด ๆ ร้อน ๆ วันนี้ตอนเที่ยง แบบว่ารอหนังเรื่องนี้มานานมาก ตั้งแต่มันโปรโมตรแรก ๆ เลย ใครที่ยังไม่ไปดูแนะนำให้ไปดูครับ สนุกมาก สิ่งแรกที่ควรทำก่อนเข้าโรงคือ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ถ้าเป็นไปได้ระหว่างดูพยายามอย่ากินน้ำเยอะ ปวดท้องเข้าห้องน้ำกลับมาจะงง ว่ามันไปถึงไหนแล้วแบบเพื่อนผม "เราเตือนท่านแล้ว"

บอกเล่านี่ผมจะไม่สปอย นั้นหมายความว่า จะไม่มีเนื้อเรื่องในหนังแบบจะ ๆ ให้เสียอารมณ์ครับ เรื่องราวมันก็แนว ๆ ด้านดีด้านร้ายที่ต่างฝ่ายต่างแยกชิงสิ่งของสิ่งหนึ่งเหมือนกัน โดยฝ่ายหนึ่งต้องการเอาไปใช้เพื่อทำลายล้าง ส่วนอีกฝ่ายก็มาชิงเพื่อเอาไปทำลายทิ้งเสีย โดยรวมแล้วหนังให้ความสนุกในคิวต่อสู้ได้ดี ไม่อืดเกินไป มุมกล้องโอเคเลย แต่กล้องมันตัดสลับไปมาบ่อย และไม่นิ่งทำให้อาจจะดูไม่ชัด หรือมึนหัวได้ และด้วยองค์ประกอบของตัวหุ่นยนต์ต่าง ๆ นั้นมีรายละเอียดมากกว่าในการ์ตูนเยอะมาก ทำให้อาจสับสนได้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน ยิ่งฝ่ายทำลายแล้วนี่มันคล้าย ๆ กัน อาจสับสนได้ แต่เรื่องการออกแบบตัวละครหุ่นยนต์ทำได้เท่มาก ๆ ส่วนฉากหวาบหวิวก็มีบาง แต่ไม่มาก น้อยกว่าไอ้แมงมุมหน่อย

ซึ่งในเรื่องมีข้อคิดดี ๆ หลายส่วนอย่าง "ถ้าไม่เสียสละ  ชัยชนะก็ไม่เกิด" เป็นการย้ำตัวหนังแนวฮีโร่ได้อย่างดี และทุก ๆ เรื่องก็ดำเนินเรื่องตามแนวคิดนี้ซึ่งหนังทำออกมาได้ดีมาก

ต่อมาก็เรื่องมุขตลกนั้นทำได้ดี และน่าเอ็นดูมากในบางช่วงบางตอนเสียด้วยซ้ำไป ใครนำเด็กเข้าไปดูถือว่าคุ้ม แม้จะมีฉากหวาบหวิวนิดๆ หน่อยๆ แต่พอรับได้ไม่โฉ่งฉ่างเกินไป

ส่วนเรื่องงานภาพของคุณภาพงาน CG ผมให้ 9.5 เลยจาก 10 เนียนมาก แต่ที่ตัดออกไป 0.5 เพราะรายละเอียดมันเยอะมาก จนบางครั้งฉากสู้ตะลุมบอลกันนี่มันมองไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ กลายเป็นกองเหล็กไปเสียในบัดดล แต่ฉากอื่น ๆ ทั้งฉากแปลงร่างไปมาระหว่างยานพาหนะต่าง ๆ มาเป็นหุ่นยนต์ทำได้เท่โคตร จนคิดว่ามันมีอยู่จริง ยิ่งฉากเครื่องบินแปลงเป็นหุ่นยนต์นี่ทำให้เชื่อได้สนิทใจว่ามีจริง แบบในหนังโฆษณาที่ออกทางสื่อต่าง ๆ ไปแล้ว

โดยรวมเนื้อหา อาจจะดูไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง แต่มีการนำเข้าเรื่องที่ดี พอทำให้คนที่ไม่ได้ดูการ์ตูน Transformers มาก่อนเข้าใจเนื้อเรื่องในหนังได้ไม่ยากนัก ประกอบกับมันเป็นหนังฮีโร่ยุค 10 – 20 ปีก่อนซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่นำมาทำเป็นหนังในยุคนี้มันจะดูขัด ๆ แต่ถ้าเราเอาเรื่องพวกนี้ออกไป ผมว่าหนังทำออกมาได้น่าสนใจ และคาดว่ามีภาค 2 แน่นอน รอดูได้เลย

งานนี้ผมให้ 9 จาก 10 ครับ ที่หายไปเพราะเนื้อเรื่องของตัวละครบางตัวที่น่าจะเด่นกลับลดลงไปอย่างน่าเสียดาย เช่นหุ่นบางตัวน่าจะเก่งกว่านี้ หรือบางตัวมันน่าจะช่วยเพื่อนมันได้บ้างทั้ง ๆ ที่มันก็มีความสามารถแบบนั้นอยู่แล้ว

ไว้สักอาทิตย์หน้าค่อยมาเขียนต่อดีกว่า เพราะหนังเพิ่งเข้าฉายวันนี้

แนะนำให้ไปดูครับ สนุกมาก และอีกเรื่องอย่าง Dia Hard 4.0 นี่ก็น่าดู ไว้มีเวลาว่าง ๆ ก่อนแล้วกัน ;)

Seasons Change NO#4682

จริง ๆ กะว่าจะเอามา review แต่ด้วยเหตุอินเตอร์เน็ตมีปัญหาระดับชาติ เลยต้องยกไว้ก่อน คราวนี้เลยได้เวลาเอามาลงสักที ;)

———————————

ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ดูภาพยนต์เรื่อง Seasons Change นี้ในโรงภาพยนต์ครับ เพราะว่าตอนนั้นต้องปิดโครงงานที่เรียนให้เสร็จ ทำให้มันออกโรงไปก่อนที่จะว่าง เลยต้องรอ ร้อ รอ …… จนมันออกมาเป็นแผ่น VCD/DVD เนี่ยแหละ ซึ่งจริง ๆ ช่วงภาพยนต์กำลังจะออกจากโรงมีอัลบั้มเพลงของ Seasons Change ออกมาให้ซื้อ ผมก็ซื้อแผ่น CD ให้แฟนไป (ไม่มีอะไรมาก แค่อยากให้ในวันฝนตก ฮ่า …., แผ่นแท้นะเฟ้ย ไม่ใช่ mp3) เพลงก็ ok แต่ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ดู แต่แฟนบอกเพราะดี

ซึ่งเมื่อวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2006 ที่ผ่านมาก็สั่ง DVD Seasons Change Limited Edition มาจากเว็บ Boomerang.co.th ราคาบวกค่าส่งแบบ EMS+พกง ก็ 629 บาท (ตัวชุด DVD  509 บาทครับ ค่าส่ง 120 บาท) เรื่องการซื้อและได้มาอย่างไรเอาไว้แค่นี้ครับ ส่วนรูปต่าง ๆ เดี่ยวขอเขียนให้จบ จะลงต่อไปทีหลังแล้วกัน

———————————-

Spoils เน้น ๆ  ยังไม่ได้ดู แนะนำให้ข้ามไปดูรูป Boxset เลย [Jump]

ต้องบอกตามตรงว่าผมค่อนข้างอินมาก ๆ กับภาพยนต์เรื่องนี้หลังจากดูจบ คือรอบแรกนี่ยัง งง ๆ นิด ๆ ในบางช่วง แต่พอได้ดูรอบ 2 และ 3 มันเข้าใจได้เลยว่าภาพยนต์ชุดนี้ มันสวยทั้งอารมณ์ของภาพ และมุมกล้องมาก ๆ เลย แถมนักแสดงใส่อารมณ์ลงไปในตัวละครได้ดีมาก ๆ (ถ้าไม่นับความน่ารักของนักแสดงนำฝ่ายหญิงทั้งสองคนถือว่าการแสดงดีมาก ๆ แม้จะมีหลุดบ้างตอนเล่นดนตรีบ้าง ซึ่งถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลย ซึ่งมี 2-3 ครั้ง แต่ก็อย่างว่าอ่ะ เล่นไม่เป็นหรือไม่เก่งก็เข้าใจ อิๆๆๆ)

คือที่อินกับภาพยนต์เพราะมันคล้าย ๆ กับชีวิต ม.ต้นที่กำลังติดสินใจว่าจะเรียนต่อสายสามัญหรือสายอาชีพดี บ้างบางส่วน คือตอนนั้นมันไม่มีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิง และที่เหมือนคือแอบชอบสาวคนหนึ่งจนยอมลงทุนไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษด้วย เกือบปี แต่สุดท้ายก็แห้ว 5555555 แล้วช่วงนั้นไม่ได้บ้าคอมฯ อะไรมากมาย และไม่รู้ว่าจะเรียน ม.ปลายดี หรือไปวิทยาลัยเทคนิคดีด้วยซ้ำ (ช่วงตัดสินใจ) แต่พอเจอเรื่องดังกล่าวไปก็เรียน ม.ปลาย ซะงั้น -_-‘ แหมเหตุผลในการเรียนโคตรเน่าสุด ๆ เลยตอนนั้น (แต่จริง ๆ ก็โดนแม่ให้เรียนด้วยอีกเรื่องเลยต้องเรียน) คือในภาพยนต์มันเป็นอะไรที่คล้าย ๆ

โดยเนื้อเรื่องทำได้ดี สื่อสารออกมาให้แง่คิดของคน 3 ประเภทได้ดีมาก ๆ

  1. ประเภทที่วัน ๆ ก็ตามดูและเฝ้ามองคนที่ปลิ้มและชอบ แบบป้อมในเรื่องจนต้องตามดาว ไปเรียนที่วิทยาลัยดุริยางศิลป์ เพราะอยากตามคนที่ตัวเองชอบไป (ประมาณว่าจะได้เจอกันต่อไปอีก 3 ปี อะไรประมาณนั้น แต่ดูอยู่ำไกล ๆ ไม่กล้าไขว่คว้ามา) แถมยังค้นหาตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองมีจุดหมายอะไร ดูได้จากตอนที่เพื่อน ๆ ชวนไปประกวดร้องเพลงจะถามแบบลังเลว่าต้องประกวดด้วยเหรอ ซึ่งมันแสดงว่าตัวเองยังไม่มีจุดมุ่งหมายว่าจะทำดีหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เก่งแบบโคตรเทพ
  2. ประเภทมุ่งมั่น ความฝันไม่ไกลเกินเอื้อม อันนี้ต้องยกให้ดาวในเรื่องเลย ซ้อมไวโอลินทั้งวัน ขยันโคตร จะไม่ให้เก่งได้ไง โดยสิ่งที่ทำนั้นมันทำให้มีความสุข และทำได้ดีเสียด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ดาวต้องการ A คนที่ 1 ด้วย มันเลยทำให้พระเอกอย่างป้อมที่ไม่มีจุดหมายของตัวเองอึ้งไปเลยตอนได้ยิน ซึ่งคนประเภทนี้ในเมืองไทยก็มี แต่ถ้าสิ่งที่มุ่งมั่นไปถึงนั้นเป็นอะไรที่สังคมและครอบครัวไม่ยอมรับ มักถูกสภาพการศึกษา, ครอบครัว และสังคมหล่อหลอมให้เป็นไปในประเภทที่หนึ่งมากกว่า ประมาณว่าตาม ๆ กันไป หรือพวกมากลากกันไป
  3. ประเภทใจรัก แค่ได้ทำ ได้เล่น ดีหรือไม่ดีไม่สน ชอบและรักในสิ่งที่ทำก็มีความสุข อันนี้ต้องยกให้อ้อม ซึ่งเด็กไทยในปัจจุบันมักจะเกือบ ๆ ใช่แต่ยังไม่ใช่ จะกึ่ง ๆ ประเภทที่ 1 และ 3 มากกว่า คือคนในประเภทนี้หาได้น้อยมาก เพราะตัองเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการและชอบอะไร อยู่กับอะไรแล้วมีความสุข ทำมันได้ไม่รู้เบื่อ และถ้าโชคดีครอบครัวเข้าใจ ก็มักจะไปได้ดีเสมอ (แต่ส่วนใหญ่จะไม่)

จากในเรื่องเราจะเห็นว่า ถ้าเอาเรื่องนี้ไปสอนในด้านการดำเนินชีวิตถือว่าดีมาก ๆ เลยหล่ะ ซึ่งถ้ามองในแง่การค้นหาตัวเองแล้วเนี่ยถือว่าเป็น ตัวอย่างการสอนที่ดีมาก

ต่อมาในตัวภาพยนต์นั้น ถือว่าทำดี ok นะ คือหนังเรื่องนี้จะเน้นใส ๆ ขนาดที่ว่าแค่แขนมาชนกันยังสะดุ้งอะ คิดดู (ถ้าในชีวิตจริง ถ้ามันเกิดเหตุแบบนี้ไม่อยากจะคิด -_-‘)  จึงไม่น่าแปลกใจเลยอ่ะ ที่ทั้งเรื่อง เราจะไม่เห็นตัวละครใด ๆ บอกรักกันแบบตรง ๆ ไม่มีเดินจับมือกัน คือถึงแม้ว่าจะรักกันในวัยเรียน ก็ทำให้มันสวยงามได้ โดยก็คือช่วยกันเรียน ช่วยกันไปในทางที่ดีก็ควรส่งเสริมมากกว่าไปทำลาย จริงแมะ ;)

โดยในตัวเนื้อเรื่องเนี่ยไม่มีจุดจี้ด ๆ ของตัวหนังอย่างชัดเจน จึงทำให้อารมณ์ของเนื้อเรื่องดูกระจาย ๆ จะมีช่วงเร้าอารมณ์อยู่ไม่กี่ช่วง ซึ่งประโยชน์เด็ดในหนังก็ไม่มี ถ้าถ้าจะหามันก็พอจะหาได้ เช่น

"โธ่ นึกว่ารักดนตรี ที่แท้ก็ตามผู้หญิงมา"

"ชอบ ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ"

"ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก" (อันนี้ต้องอ่านต่อที่นี่ครับ “ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก” ช่องว่างที่หนังเว้นไว้กับสองความเป็นไปได้ ในโลกแห่งจินตนาการ)

"คนเราอะนะ อะไรที่ควรจะห้ามก็ไม่รู้จักห้าม เด็กมันไม่กินผัก ก็ปล่อยมันไม่กินอยู่นั่นแหละ แล้วพอมันโตขึ้น อยากจะเรียนอะไร ก็จะไปห้ามมัน"

ฉากที่ผมชอบมากที่สุด คงเป็นฉากที่อ้อมเขาสอบไวโอลินแล้วเล่นเพี้ยน ๆ นั้นแหละครับ คือสื่ออารมณ์ได้ดีมาก ๆ สีหน้าและท่าทางนี้โคตรเศร้าแบบได้ใจมากเลย ผมว่าฉากนี้เป็นฉากที่จี้ดมาก ๆ ฉากหนึ่งในเรื่อง

ที่ผมโดน ๆ ก็มีอยู่ประมาณนี้ และมีคนเขียนเป็นเรื่องเป็นราวอยู่หลายที่อยากให้ลองไปอ่านดู แล้วดูหนังอีกรอบน่าจะทำให้สนุกมากขึ้นครับ

ซึ่งภาพยนต์เรื่องนี้ ทำให้มันนึกย้อนกลับไปช่วง ม.ปลาย ที่อยากทำอะไรก็ได้ทำ เที่ยวเล่น เฮฮา ตามประสา ชอบทำกิจกรรม โดดเรียนเป็นกิจวัตร (ฮ่า….) ทำให้ภาพเก่า ๆ ที่ประทับใจในตอนนั้นกลับมา
———————————-

Review DVD Seasons Change Limited Edition NO# 4682

DVD Seasons Change Limited Edition นั้นมีเพียง 5,999 ชุดเท่านั้น โดยหลังจากที่ออกจำหน่ายได้เกิดข้อผิดพลาดในแผ่น ที่ 1 ซึ่งเป็นตัวภาพยนต์ขึ้น โดยในการผลิตคือนาที 15.00 – 15.27 นั้นเสียงกลองนั้นหาย และมีช่วงของเสียงช้ากว่าปกติ (1/4 วินาที) ซึ่งทางผู้ผลิต DoDisc ได้ออกมาแก้ไข ด้วยการเรียกคืนแผ่น DVD รุ่นปกติกลับทั้งหมด แต่จะจำหน่ายแต่ Limited Edition ต่อไป ส่วนการแก้ไขขั้นต่อมาคือผู้ที่ซื้อ DVD ไปแล้วนั้นสามารถเอาแผ่นที่ 1 มาเปลี่ยนเป็นแผ่นใหม่ได้ โดยวิธีการต่อไปนี้ครับ

วิธีการเปลี่ยนแผ่นกับทาง MGA ดังนี้

  1. สำหรับลูกค้าในเขตกรุงเทพมหานคร ท่านสามารถนำแผ่นภาพยนตร์แผ่นที่ 1 ไปเปลี่ยนด้วยตนเองที่ร้าน Imagine, ร้าน B2S และร้านดิจิตอลบูมเมอแรง ได้ทุกสาขา (ในเขตกรุงเทพมหานคร) โดยไม่ว่าท่านจะซื้อมาจากร้านใด และไม่จำเป็นต้องมีใบเสร็จยืนยันการซื้อ แต่สงวนสิทธิ์สำหรับแผ่นแท้ลิขสิทธิ์เท่านั้น
  2. สำหรับลูกค้าในต่างจังหวัด ท่านสามารถส่งแผ่นภาพยนตร์แผ่นที่ 1 มาเปลี่ยนได้ทางไปรษณีย์ โดยทาง MGA จะจัดส่งแผ่นที่แก้ไขแล้วให้กับท่านด้วยซองกันกระแทก โดยสามารถส่งเฉพาะตัวแผ่นที่ 1 มาได้ที่

    "คุณประทุม แก้วด้วง ฝ่ายการตลาดบริษัท จี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ จำกัด เลขที่ 50 อาคาร จี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ เพลส ชั้น 20 ถ.อโศก-สุขุมวิท 21แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110" Tel. 0-2669-8154

ซึ่งเนื้องานของ Limited Edition นี้เรามาดูกันว่ามีดีอะไร ;)

Read more