เรื่องเล่า Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End

ขึ้นว่า “เรื่องเล่า” เพราะงั้นไม่มีรูปครับ!!!!

  • งานนี้เน้นมือถือ Smartphone เป็นหลัก มี Tablet เกือบทุกยี่ห้อ ยกเว้น iPad 2!!! (หรือผมหาไม่เจอก็ไม่รู้ –_-“)
  • สิ่งที่ต้องชมอย่างแรกคือ ทางเดินระหว่างบูทต่างๆ ในทางหลักกว้างใช้ได้ เดินตีหน้ากระดานได้ 4 คน ทำให้มีคนยืนหน้าบูทได้ทั้งสองข้างอย่างละคน และยังเหลือทางเดินสวนไปมาได้อย่างไม่เบียดมากนัก ผิดกับงานคอมฯ ทั้งหลายที่จัดปีละหลายๆ ครั้ง เน้นอัดบูทเข้าไป แต่หาทางเดินไม่ได้เลย ผมมองว่าเสียลูกค้ามากกว่าได้ลูกค้า เพราะไม่มีใครสามารถยืนอยู่หน้าบูทนานๆ ได้ ต้องหลบเข้าไปในบูทถ้าสนใจจริงๆ หรือถ้าสองจิตสองใจก็มักจะเสียลูกค้าไปทันที สำหรับทางเดินระหว่างซอยต่างๆ ก็ทั่วไป กว้างกว่านี้จะดีมากเลย
  • แต่ละบูทเน้นเอาเครื่องของจริง!!! มาให้เล่นเป็นหลัก การแบ่งพื้นที่แต่ละบูทเท่าที่เจออย่างบูท BlackBerry, Samsung, AIS และ DTAC แบ่งพื้นที่ชัดเจนว่าตรงไหนขายของ ตรงไหนโชว์ ไม่ปนกันมั่วไปหมด แต่ …. ถ้าจะให้ได้ อยากให้แบ่งฮอลไปเลย ซื้อก็ซื้อ ขายก็ขายไป ผมว่าจะดีมากๆ
  • บูท Samsung ใหญ่ที่สุดในงาน และได้ชื่องานเล่นๆ ว่า Sumsung Mobile Expo ไปเลย อีกอย่างคือ AIS ถูกกลืนเป็นบูทเดียวกับ Samsung ไปเสียด้วยซ้ำ (สีทั้งบูทโทนเดียวกันด้วย)
  • บูท Truemove นี่ถ้าไม่หาจริงๆ หาไม่เจอครับ !!!
  • Nokia เป็นไม้กระดับ ขนาด I-Mobile 3Gx ยังทำได้ดีกว่า แต่ I-Mobile 3Gx นี่เน้นขายไม่อินดี้คร้าบบบ ;P
  • iPhone 4 และ BlackBerry จากที่ได้ดูๆ ในบูท ก็เรื่อยๆ คนซื้อกลับบ้านตามมาตรฐานปรกติ
  • มาแรงที่สุดคือ Samsung Gallaxy S II และ HTC Sensation ตามมาห่างๆ แบบอินดี้หน่อยๆ ก็ LG Optimus Black งานนี้กระป๋องเขียวแจ้งเกิดได้ดี แต่เท่าที่คุย คนซื้อไปลองของกันเยอะ ไม่แน่ใจว่าอีกสักพักจะปล่อยของมือสองออกสู่ตลาดเยอะแค่ไหน เอาใจช่วยครับ
  • HTC ดูจะเงียบๆ และในส่วนของ WP7 นั้น ตัว HTC 7 Mozart น่าจะขายได้บ้าง (ถ้ามันราคา 6,990 บาท จะขายดีกว่านี้!!!)
  • งานนี้ทุกค่ายมือถือทั้ง AIS, DTAC แล Truemove กำลังหาพื้นที่มือถือ Smartphone ที่นอกเหนือจาก iPhone 4 ที่กำไรไม่เยอะ และค่าดูแลสนับสนุนทางเทคนิคกับลูกค้าสูงมากจนดูจะได้กำไรน้อย
    (คิดดูว่าแต่ละค่ายต้องสนับสนุนทางเทคนิคของ iPhone 4 ที่ตัวเองขาย อีกทั้งต้องแบกรับสินค้าคงคลัง ฯลฯ ที่ถ้าเป็นมือถือยี่ห้ออื่นๆ อย่าง Samsung, HTC และ LG จะมี Distributor ดูแลให้ ทำให้ค่ายมือถือต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้มาก)
  • BlackBerry PlayBook เหมือนเงียบๆ แต่คนพูดถึงเยอะ คนไปเล่นๆ ที่บูท เรื่อยๆ บอกได้เลยว่า มีแต่คนติดใจ หลายคนตัดใจจาก iPad 2 ที่ในงานไม่มีมาขาย แล้วคิดจะซื้อ BlackBerry PlayBook แทน!!!
  • บูทที่แปลกและเข้าใจคิดที่สุดคือ DTAC เน้นพื้นที่แสดงสินค้า ให้ทดลองสินค้าชัดเจน แถมพื้นยกสูงทำให้เด่นมาก
  • ยังคงเห็นการขายมือถือแนว MBK อยู่ทั่วไปในงาน นี่งานแสดงสินค้านะครับพี่ เอาตู้ใส่มือถือมาทำไมกัน –_-“
  • งานนี้มีการเปิดจองมือถือหลายรุ่น สิ่งที่ทำได้ดีคือ มีเครื่องจริงๆ ให้ลองก่อนตัดสินใจซื้อจริงๆ อย่างน้อยๆ ลูกค้าได้ลองของจริงๆ แล้วจะจองก็ว่าไป ดีกว่ามาจองโดยยังไม่ได้จับเสียด้วยซ้ำ ซึ่งผมมองว่าดีกว่าตอนเปิดตัว iPhone 4 เสียอีก (แต่ตอนไปรับเครื่องจริงจะมีดราม่าหรือเปล่า อันนี้คงอยู่ที่การจัดการเครื่องที่ส่งมอบลูกค้าแล้วหล่ะ)
  • มีบูทขายอุปกรณเสริมมาแทรกๆ บ้าง ผมว่าถ้าจัดแยกไปเป็นกลุ่มเดียวกันน่าจะดีกว่านี้ครับ
  • ส่วนค่ายอื่นๆ ที่ไม่พูดถึง เพราะเดินผ่านๆ ดู โน้นนี่นั้นเป็นหลักครับ เน้นค่ายหลักๆ เสียมากกว่า ><”

สรุปมาประมาณนี้แหละครับผม ;)

สรุป Microsoft Windows 8 preview ที่ Computex 2011!

image
รูปจาก engadget.com

  • ชื่อ Windows 8 เป็นชื่ออย่างเป็นทางการที่ใช้เรียก ณ. ตอนนี้
  • งานนี้ไม่ใช่แค่มีป้ายของ Intel และ AMD แต่มี Qualcomm, Texas Instruments และ NVIDIA ด้วย เพราะงั้น Windows 8 สำหรับ ARM คงไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ
  • Microsoft กล่าวว่า ตอนออกแบบ Windows 7 นั้น หวังเพื่อใช้งานสำหรับ ultra-portable notebooks และสำหรับ Windows 8 นั้นออกแบบเพื่อ touchscreens และใช้งานบนเว็บเป็นหลัก (จริงๆ ผมมองว่า Microsoft กะไว้ตั้งแต่ตอน Windows 98 แล้ว แต่ไม่สำเร็จ ถ้าใครจำ Active Desktop ได้)
  • มาจนได้สำหรับ Windows application ที่ใช้ HTML5, JavaScript และ CSS บน Windows Desktop (ประเด็นคือ อารมณ์เดียวกับ Active Desktop ตอน Windows 98 อีกแล้ว เอาของเก่ามาปัดฝุ่นใหม่)
  • ในงานนั้นเน้นอุปกรณ์ที่เป็น touchscreens และ ARM Architecture เป็นหลักเลย
  • Windows 8 มาพร้อมกับ IE10
  • UI หลายอย่างเอามาจาก Windows Phone 7 หลายตัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะ Hub และส่วน UI พวก touchscreens keyboard
  • Windows Explorer มี Ribbon สักที
  • Superbar มีเหมือน Windows 7 เช่นเดิมอยู่ในตอนนี้
  • Windows 8 ออกแบบมาเป็น Version เดียว ใช้ได้กับทั้ง x86 หรือ ARM (คิดว่ายังคงแยก Edition เหมือนเดิม)
  • Display Resolution ต่ำสุดของ Windows 8 ตามคำแนะนำคือ 1366 x 768 pixel แต่ถ้าตำกว่านี้จะถูก switch ไปเป็น Classic desktop mode แทน
  • จอภาพสัดส่วน 16:9 คงเป็นสัดส่วนมาตรฐานของ Windows 8
  • ในงาน The Build conference เดือนกันยายน ปีนี้ Windows 8 จะมีความชัดเจนมากขึ้นในงาน conference นั้น

อ้างอิงและดูภาพทั้งหมดจาก Live from Microsoft’s Windows 8 preview event at Computex 2011!

Building “Windows 8” – Video #1
Previewing “Windows 8”
Article by Julie Larson-Green, corporate vice president, Windows Experience.

ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายเป็นของใคร ? 1.นายจ้าง 2. ช่างภาพ 3. นางแบบ

อ้างอิง http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O10600195/O10600195.html

ความคิดเห็นที่ 17

ถ้าข้อเท็จจริงมีว่า ตากล้องเป็นลูกจ้างประจำของบริษัทผลิตนิตยสารฉบับหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายแฟชั่นหนึ่งเซ็ต

สิทธิของนายจ้าง : ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่มีสิทธินำภาพไปใช้ จะเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ก็ต่อเมื่อตอนทำสัญญาจ้างตากล้องมีข้อสัญญาบอกไว้ว่าสิทธิในงานสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นโดยตากล้อง ให้ตกเป็นของนายจ้าง ตามมาตรา 9 ซึ่งสัญญาจ้างส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะมีข้อนี้รวมอยู่ด้วย

สิทธิของลูกจ้าง : เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เต็มที่ เว้นแต่ในสัญญาจ้างได้ตกลงกันไว้ว่าเป็นของนายจ้าง แต่ลูกจ้างก็ยังมีสิทธิที่เรียกว่า moral rights ที่จะได้รับเครดิตว่าเค้าเป็นผู้สร้างสรรค์งานนั้นๆ

สิทธิของนางแบบ : ไม่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ซะทีเดียว ถ้าพอจะเข้าข่ายตามกฎหมายไทยได้บ้างก็เทียบเคียงสิทธินักแสดง (ซึ่งถือเป็นสิทธิข้างเคียงของกฏหมายลิขสิทธิ และยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าการโพสท่าเพื่อถ่ายภาพ ถือว่าเป็นการแสดงหรือไม่) แต่ถ้าเป็นกฎหมายในต่างประเทศ นางแบบจะได้รับความคุ้มครองในเรื่องสิทธิของผู้มีชื่อเสียง (right of publicity) ในการห้ามไม่ให้คนอื่นเอาภาพถ่ายของตนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ในกรณีที่นางแบบเป็นผู้มีชื่อเสียง ถ้าเป็นบุคคลทั่วๆไป ก็ได้รับความคุ้มครองตาม สิทธิในความเป็นส่วนตัว

และถ้าโจทย์เปลี่ยนเป็นว่า บริษัททำนิตยสาร ได้จ้างตากล้องอิสระ (ไม่ได้เป็นลูกจ้างบริษัท) ให้ถ่ายแฟชั่นให้หนึ่งเซ็ท ถือว่าเป็นการจ้างทำของ เข้าข่ายมาตรา 10 ซึ่งหมายถึงว่า

สิทธิของผู้ว่าจ้าง : เป็นเจ้าของงานลิขสิทธิ์ (ภาพถ่าย) ทั้งหมดในเซ็ทนี้

สิทธิของผู้รับจ้าง (ตากล้อง): ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานที่สร้างสรรค์ขึ้นแล้ว แต่ยังมีสิทธิ moral rights ในการที่จะได้รับเครดิต หรืออ้างอิงถึงผลงานของตนตามสมควร แต่ไม่สามารถนำไป ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ได้

สิทธิของนางแบบ : ก็เหมือนข้อข้างบนค่า

นี่คือพิจารณาตามหลักกฏหมาย แต่ถ้ามีสัญญาตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น เพื่อแบ่งสรรค์ผลประโยชน์ ก็เป็นอีกเรื่องค่ะ

จากคุณ : Kazy
เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 23:17:12

ส่วนถ้าไม่มีผลตอบแทน ถ่ายให้ฟรี และค่าตัวก็ไม่มี อันนี้ผมมองว่าเป็นลักษณะกรณีแรก (ตามที่อ้างอิงมา)

รูปแบบของ Tablet เบื้องต้นที่ควรรู้?

เป็นเนื้อหาพื้นๆ ครับ (หลายคนรู้แล้วก็ปล่อยผ่านไป)

  • Tablet PC นั้นต่างจาก Desktop PC, Notebook PC และ Smartphone ตรงที่ใช้จอภาพแบบ Touchscreen ในการสั่งงานและป้อนข้อมูลเป็นหลัก โดยอาจจะใช้ Virtual keyboards สำหรับป้อนข้อมูลแทน Keyboard ปรกติ หรือใช้ handwriting recognition แปลงการเขียนลายเส้นแทน Keyboard ก็ได้ ซึ่งนำมาใช้ทำงานในเชิงทดแทนคอมพิวเตอร์มากกว่าโทรศัพท์ (แม้บางรุ่นจะโทรศัพท์ได้ แต่ไม่ใช่จุดประสงค์หลักในการใช้งาน)
  • Tablet PC ในปัจจุบันแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆ ในการป้อนข้อมูลคือ Pen (Stylus) Base กับ Fringer (Touch) Base เพราะงั้นจุดประสงค์ในการใช้งานต่างกัน โดยแบ่งเป็นลักษณะรูปแบบตัวเครื่องใหญ่ๆ อยู่ 3 แบบ
    1. Convertibles
    2. Multimedia Tablet
    3. Hybrids Tablet
  • Tablet PC แบบ Pen Base ในด้าน Computer Science เรียก Pen Computing ที่เป็นระดับผู้ใช้ทั่วไปนั้น รู้จักครั้งแรกในชื่อว่า Microsoft Tablet PC และคนได้รู้จักคำว่า Tablet PC ในวงกว้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเครื่องที่ถูกผลิตเป็นรุ่นแรกคือ HP Compaq Tablet PC ทำงานด้วย Windows XP Tablet PC Edition ในปี 2001 ในไทยดังๆ คนใช้เยอะๆ น่าจะเป็น Acer และ Fujitsu ถ้าใครจำได้ นึกดีๆ (ดักแก่ ;P)
  • Tablet PC แบบ Pen Base ออกมาหลายรูปแบบ ที่เจอกันเยอะๆ ถูกเรียกว่า Convertibles คือรูปร่างคล้าย Notebook (Laptop) โดยที่จอภาพเป็นแบบ touchscreen ใช้ stylus ในการสั่งงานแทน Mouse ได้ และจอภาพหมุนกลับด้านและใช้งานผ่านจอภาพอย่างเดียวได้โดยมี Keyboard/TouchPad สั่งงานตามปรกติด้วยเหมือน Notebook ทั่วไป

    image
    ThinkPad X220 Tablet

  • Tablet แบบ Fringer Base ที่เป็นระดับ Mass ผลิตโดย Apple โดยแย้งความคิดเรื่อง Pen Base อย่างชัดเจน และเป็นแนวทางมาตั้งแต่เปิดตัว iPhone ในปี 2007 แล้ว โดย OS ที่ถูกนำมาใช้คือ iOS (ในตอนแรกเรียก OS X) สุดท้ายก็มาจบที่ iPad จนกลายเป็นที่มาของ Multimedia Tablet โดยเน้นที่มีจอภาพขนาดใหญ่โดยไม่มี Keyboard หรือ Stylus มาเกี่ยวข้อง ใช้นิ้วของผู้ใช้ในการสั่งงานบนจอภาพ Touchscreen เป็นหลัก

    image
    iPad

  • ระหว่างนี้ก็มีการใช้ Android OS ที่อยู่บนมือถือมาจับใส่ Tablet แบบ Multimedia Tablet มากมายหลายยี่ห้อ Samsung Galaxy Tab, Toshiba Folio, Dell Streak, ViewPad 7 หรือ Motorola Xoom เป็นต้น แต่จริงๆ แล้ว Android OS รุ่นที่ Google บอกว่าเหมาะกับ Tablet จริงๆ จะเป็น Android 3.0 Honeycomb ถึงจะใช้งานได้อย่างดี แต่รุ่นต่ำกว่า ก็ถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้ดีพอสมควร จากผู้ผลิตเช่นกัน
    image
    image
    image
    Samsung Galaxy Tab Dell Streak Motorola Xoom
         
  • ต่อมา Microsoft ประกาศเรื่อง Slate PC (ชื่อ Mass ของ UMPC ที่เป็น Multimedia Tablet ตอนปี 2006 ที่จะใช้ Windows CE สุดท้ายก็เงียบไป) มี HP, Acer, Asus และค่ายต่างๆ นำเครื่องมาโชว์ ที่มีลักษณะคล้ายกับ iPad เหตุผลง่ายๆ เพื่อแยกความแตกต่างของ Tablet PC แบบ Convertibles ที่เป็น Pen Base ให้ชัดเจนมากขึ้น และใช้ OS แบบที่ PC ทั่วไปใช้ นั้นคือ Windows 7 นั้นเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ค่อยเห็นอะไรเป็นรูปร่างเท่าไหร่ มาแป็บๆ แล้วก็หายไปจากหน้าข่าวและการพูดถึง (ประกาศก่อน iPad เสียอีก)

    image
    Asus Eee Pad EP121

  • ล่าสุดก็คงเป็น RIM ที่ออก PlayBook ซึ่งเป็น Multimedia Tablet ที่ใช้ OS ไม่เหมือนคนอื่นๆ คือ BlackBerry Tablet OS (QNX) แต่ก็มีการออกแบบมาให้รองรับ App จาก Android OS ได้ด้วย

    image

  • ต่อมาก็มีการนำแนวคิด Tablet แบบ Hybrids ที่รวมแนวคิดทั้งสองแบบคือ Slate PC/Tablet PC กับ Notebook เข้าด้วยกันอีกครั้ง ที่ฮือฮาก็คงเป็น Lenovo U1 base (ใช้คู่กับ Lenovo IdeaPad Tablet) และต่อมาก็ ASUS Eee Pad Transformer นั้นเอง แต่ ASUS ดูจะปล่อยของ และขายในวงกว้างได้ดีกว่า เล่นเอา ASUS ผลิตไม่ทันเลยทีเดียว โดยใช้ลักษณะของ Lapdock เข้ามาประกอบคู่กับตัว Multimedia Tablet แบบปรกติ ทำให้เมื่อนำมาใช้งานได้เหมือนกับ Notebook และเมื่อต้องการใช้งานในรูปแบบ Tablet ก็เพียงถอดออกจาก Lapdock ก็ใช้งานได้ทันที
    image image
    Lenovo U1 Base + IdeaPad Tablet ASUS Eee Pad Transformer (TF101)
       

ทั้งหมดเป็นคราวๆ เผื่อไว้เป็นความรู้สำหรับคนที่กำลังจะซื้อ Tablet ไว้เป็นแนวว่ามีรูปแบบไหนบ้างให้เราเลือกซื้อใช้งานกัน

เตรียมตัว Lenovo IdeaPad Tablet (LePad) และ Lenovo ThinkPad Tablet บุกไทย!

ข่าวจากต่างประเทศหลุด Lenovo ThinkPad Tablet มาสักพัก แต่ดูจะเงียบๆ ไม่มีรูปอะไรออกมาเพิ่มเติมเท่าไหร่นัก ไม่รู้จะขายเมื่อไหร่ด้วย แต่ที่แน่ๆ รูปร่างหน้าตาก็แนวๆ ThinkPad ที่รูปร่างเป็นทางการมาก

ThinkPad Tablet ข่าวบางสำนักเรียก Think Slate จากเสปคที่หลุดมาคราวๆ ก็เป็นจอภาพ 10.1” capacitive touch display ตามสมัยนิยมเพื่อให้รองรับ multi-touch ได้พร้อม IPS Panel ความละเอียด 1280×800 pixel และที่แตกต่างคือมี stylus มาให้ด้วย (ไม่ทิ้งแนวทางตัวเองเท่าไหร่) โดยมาพร้อมกับ Android 3.0 Honeycomb และปรับ UI ใหม่ในชื่อเรียก Lenovo Family UI เพื่อให้รองรับการใช้งานสำหรับตลาดองค์กร แน่นอนว่า CPU ก็ตามมาตรฐาน dual core Tegra 2 มีหน่วยความจำ 16, 32 และ 64GB พร้อมแบตที่อยู่ได้ 8 ชั่วโมง รองรับทั้ง 3G และ 4G ด้วย

สิ่งที่แปลกใจคือตากเสปคที่หลุดมาจากหลายๆ สำนัก มีช่องต่อ USB 2.0, SD Card, mini USB และ mini HDMI มาให้พร้อม แน่นอนว่าด้วย Tablet ที่ออกมาเพื่อองค์กรแบบนี้ต้องมี Lapdock แน่นอน ซึ่งดูๆ แล้วก็คงคิดว่าช่วงปลายปีคงได้เห็นกันทั้งในต่างประเทศ และในไทยแน่ๆ (กระซิบมาแล้วว่าจะนำเข้ามาไทยแน่นอน) ส่วนราคาคิดว่าไม่น่าต่างจากต่างประเทศมากนัก รอดูกันว่าจะเป็นอย่างไร ในต่างประเทศที่หลุดมานั้นตั้งไว้ที่ $499 ในไทยไม่น่าจะเกิน 18,xxx บาท (ราคาไม่ยืนยัน กะเอาจากราคาสินค้าตัวอื่นๆ)

image

ต่อมา Tablet สำหรับองค์กร ก็มาถึง Tablet ในระดับผู้ใช้ทั่วไป Lenovo ก็ประกาศชัด และยืนยันแล้วว่า Lenovo IdeaPad Tablet (ชื่อในประเทศจีนคือ LePad) เข้าไทยในช่วงเดือน 6-7 ของปี 2554 นี้แน่ๆ (ผมคาดว่าจะเป็นช่วงงาน Commart X-Gen)

ตัวเสปค Lenovo ideaPad Tablet คราวๆ ก็คือ Qualcomm Snapdragon processor (1.3 GHz) จอภาพแบบ multi-touch 10.1” ความละเอียด 1280×800 pixel GPU เป็น Adreno 205 และใช้ระบบปฎิบัติการ Android 2.2 (ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการอัพเกรดเป็น Android 3.0 เมื่อตอนเข้าไทยแล้วหรือเปล่า) โดยที่มีแบตฯ มากกว่า iPad 2 และ Xoom พร้อมชิพเสียงของ Wolfson ที่หลายต่อหลายคนบอกว่าเสียงดีมากๆ แน่นอนว่า ถ้าตัว Tablet เข้ามา ผมไม่แน่ใจว่า Lenovo (Thailand) จะเอา IdeaPad U1 base เข้ามาหรือเปล่า เพราะเมื่อเอา Lenovo IdeaPad Tablet ต่อกับ IdeaPad U1 base จะใช้เป็น Notebook ได้เลย โดยที่ตัว IdeaPad U1 base จะมีเสปดเริ่มต้นที่ CPU Intel Core i5-540UM 1.2GHz และมีรุ่น Core i7 ด้วย ทำให้เราใช้งานสลับไปมาระหว่าง Windows 7 และ Android ได้ 

สำหรับราคา Lenovo IdeaPad Tablet (ชื่อในประเทศจีนคือ LePad) ราคาขายในประเทศจีนอยู่ที่ $530 (แพงกว่า ThinkPad Tablet ที่มีข่าวหลุดมาอีกแฮะ –_-“ ) และถ้าซื้อ Lenovo IdeaPad Tablet พร้อมกับ IdeaPad U1 base ราคาจะอยู่ที่ $1,300 ผมเดาว่าราคาในไทยก็คงอยู่ที่ 19,xxx บาท และ รุ่นที่พร้อม base คงประมาณ 42,xxx บาท (ชักแพง) แต่ถ้าเข้าไทย ผมคิดว่าราคาน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงให้ลงต่ำกว่าจากที่ผมคาดการณ์ไว้แน่ๆ

ย้ำอีกครั้ง!!! ราคาที่เป็นเงินบาทนี้ เป็นการคาดการณ์ราคาเท่านั้น ไม่ใช่ราคายืนยันออกจาก Lenovo (Thailand) แต่อย่างใด!!!

 

image

image

http://reallycuteasians.com/2011/04/wang-meng-touch-screen-or-touch-girl/

อ้างอิง
Leak: 10-inch Lenovo ThinkPad Tablet with IPS display, stylus and Honeycomb
Quick video: Lenovo LePad slate, IdeaPad U1 Hybrid in action
Lenovo announces LePad Tablet with Android and Windows 7 functionality