@FordAntiTrust

ติดตั้ง SVN Server บน Windows ภายใน 10 นาที

เป็น entry ที่อยู่ใน Draft นานเป็นอันดับต้น ๆ (เกิน 1 ปีแน่  ๆ) แต่จนแล้วจนรอด มันรกหูรกตาเลยเอามาปัดฝุ่นเขียนเพิ่มเติม และเอาออกมาสักทีนึง

ใครไม่รู้ว่า SVN คืออะไรก็ตามไปอ่าน entry เก่าได้ที่นี่

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนในการติดตั้ง (เวลาดาวน์โหลดไม่นับรวมเวลาในการติดตั้ง) คือ SVN Server ซึ่งเป็นตัวจัดการไฟล์ที่เรานำมาใส่ใน Store ของมัน และ SVN Service เป็นโปรแกรมเล็ก ๆ ที่นำ SVN Server เข้าไปอยู่ใน Services list ของ Windows เพื่อให้ตัว SVN Server ทำงานในระดับ Background Application และสามารถสั่งให้ SVN Server ทำการเริ่มการทำงานทั้งแต่เปิดเครื่องผ่าน Services ของ Windows เองได้อย่างง่าย ๆ

SVN Service

Summary : Runs svnserve as a Windows service (requires .NET Framework 1.1)

Category : libraries

License : GNU General Public License

Owner(s) : ricos, sclerose

การติดตั้งทั้งหมดอ้างอิงบน Windows XP Professional

  1. ดาวน์โหลด SVN Server ได้จาก http://subversion.tigris.org/ และดาวน์โหลดตัว SVN Service จาก http://svnservice.tigris.org/ 
  2. ติดตั้ง SVN ลงใน c:\svn\ หรือ directory ใด ๆ ที่ต้องการก็ได้ (ใน entry นี้อ้างอิง c:\svn\ ครับ)
  3. ทดสอบว่ามันจะทำงานได้หรือเปล่าก็เปิด Commnand Prompt(พิมพ์ cmd ที่ Start > Run)
  4. ไปที่ c:\svn\bin (พิมพ์ cd c:\svn\bin)
  5. พิมพ์ svnadmin เพื่อทดสอบดู
    ถ้าขึ้นว่า “svnadmin.exe – Unable To Locate DLL”
    ให้ติดตั้ง Visual C++ 6.0 VCREDIST.exe โดยดาวน์โหลดได้ที่นี่ ถ้าสั่งให้ทำงานแล้วไม่มีปัญหา ก็ทำการทดสอบส่วนของ svnserve.exe เพื่อทดสอบว่าสามารถสั่งให้ SVN Server ทำงานได้หรือไม่
  6. พิมพ์ svnserve -r d:\svndatarootdir
    โดยที่ svndatarootdir คือ directory ที่ใช้สำหรับเก็บ repository ทั้งหมดของ svn ของเรา
  7. ถ้าใช้คำสั่งในข้อ 6 แล้วไม่มีปัญหา ให้ปิด Commnand Prompt แล้วติดตั้ง SVN Service
  8. ทำการเรียก SVNService Administration

  9. แล้วทำการตั้งค่าดังนี้

     
    – ช่อง SVN Binary Path ให้ชี้ไปที่ c:\svn\bin ที่เก็บตัว binary file ของ svnserve.exe
    – ช่อง Repository Path ให้ชี้ไปที่ svndatarootdir หรือที่เก็บ directory ของ repository ทั้งหมด (ในตัวอย่างเป็น d:\svn)
    – Listen Host อันนี้กำหนด IP หรือ Hostname สำหรับใช้ติดต่อเข้ามา ซึ่งถ้าใช้คนเดียวก็กำหนดเป็น localhost ไปครับ
    – Listen Port กำหนด Port ที่เข้าใช้ SVN Server แนะนำให้ใช้ Port 3690 ไปเลยครับผม เพราะเป็น Port มาตรฐานของ SVN Server อยู่แล้ว
    – กด Save และ Close ปิดไปครับ

  10. เข้าไปทั้งค่า Service เพิ่มเติมที่ Service ของ Windows ได้ที่ Administrative Tools (ถ้าหาใน Start ไม่เจอให้ไปที่ Control Panel และไปที่ Administrative Tools ก็ได้)

  11. ไปหา Name ที่ชื่อว่า SVNService แล้วดับเบิ้ลคลิ้กเรียก SVNService Properties ขึ้นมา

  12. แล้วตั้งค่าที่ Startup type เป็น Automatic เพื่อให้เมื่อเปิดเครื่องมาให้ SVNService ทำงาน แล้วตัว SVNService จะไปเรียก svnserve พร้อมตั้งค่าตามที่เราตั้งไว้ใน SVNService Administration มาให้ แล้วกดปุ่ม Start เพื่อให้ SVNService ทำงาน

  13. ถ้าทุกอย่างราบรื่น ตอนนี้เราก็จะได้ SVN Server ขึ้นมาทำงานแล้ว

ต่อไปเป็นส่วนของการทดสอบ และตั้งค่า Repository และ SVN Server ที่เราติดตั้งว่าทำงานปกติหรือไม่

  1. ให้ดาวน์โหลด TortoiseSVN (A Subversion client, implemented as a windows shell extension.) มาติดตั้ง
  2. สร้าง directory ใหม่ใน d:\svn หรือที่เก็บ repository ทั้งหมด

     

  3. ทำการสร้าง Repository ใหม่

  4. แล้วเลือก Native filesystem

  5. เราจะได้โครงสร้าง Directory ทั้งหมดภายใน d:\svn\test ดังภาพนี้

  6. ทดสอบว่า test repository ของเราทำงานได้หรือไม่ก่อน
  7. คลิ้กขวาที่ Desktop แล้วเลือก TortoiseSVN แล้วเลือก Repo-browser

     

  8. แล้วพิมพ์ URL ดังรูปนี้


     

  9. แล้วเราจะได้หน้าต่างของข้อมูลภายใน test repository แบบด้านล่าง (ว่าง ๆ เพราะไม่มีอะไรอยู่ภายใน) ถ้าได้ดังรูปด้านล่างนี้และ expanded ตัว list ออกมาได้โดยไม่มีการแจ้ง error ใด ๆ ถือว่า SVN Server ทำงานได้สมบูรณ์แล้ว

สำหรับตอนต่อไป (คราวนี้สัญญาว่าจะลงให้เร็วที่สุดแน่ ๆ) จะเป็นการกำหนดค่า ต่าง ๆ ในการเข้าใช้งานเช่น username/password สำหรับเข้าถึงข้อมูล รวมไปถึงระบบสิทธิ์การเข้าถึงแต่ละ user ที่เข้ามาใช้ด้วยครับ

วันนี้ขอไปนอนก่อนหล่ะครับ ;)

[Update 11/12/2007]

อ้างอิงจาก

Exit mobile version