@FordAntiTrust

ปัญหาคิดไม่เป็นเกิดจาก copy/paste และความง่ายในการเข้าถึง

จาก

copy & paste กันทั้งโลก

ที่ผ่านมาผมว่านักเรียนไทยเยอะว่าชอบ copy & paste ไม่ยอมใช้กำลังในเรียนรู้เองเพื่อฝึกฝนทักษะในการเรียนรู้ให้กลายเป็นความรู้ติดตัว

ที่จริงแล้วปัญหานี้ไม่ใช่เป็นเฉพาะนักเรียนไทย แต่เป็นทั่วโลกครับ

อ่าน Student Initiative เราจะพบว่าโลกใบกลมๆ ของเราใบนี้นั้น ระบบการศึกษาไม่ได้สร้างคนที่มีความรู้อีกต่อไปแล้วครับ

ในปัจจุบันนี้เราหาคนที่มีวุฒิการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ "คอมพิวเตอร์" ได้ไม่ยาก แต่หาคนที่สามารถทำงานจริงได้ยากเหลือเกิน

บางคนทำงานจริงได้แต่ขาดความมานะพยายาม ทำงานจับจดไม่ตั้งใจจริง ก็เป็นปัญหาไปอีกขั้น

คนที่มีความรู้และมีความมานะพยายามในการเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งที่หายากมากในโลกปัจจุบันครับ

ปัญหาของนักคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันที่เจอมา จากสภาพแวดล้อมของตัวเอง และการได้สัมผัสกับหลาย ๆ คน ก็พบว่ามักจะแก้ปัญหาไม่ค่อยเป็นด้วยส่วนหนึ่ง โดยน่าจะเกิดจากชีวิตที่ผ่านมาไม่ค่อยได้พบเจอการแก้ปัญหาในด้านนั้น ๆ มากพอ

ผมขอนำคำคมจากการ์ตูนพิชัยยุทธ์ซุนวู ของหลี่จื้อชิง ที่แปลเป็นไทยเล่าสู่กันฟังสักประโยคหนึ่ง

ความรู้จากตำราเป็นเพียงทฤษฎีหากปราศจากประสบการณ์ที่แท้จริง ย่อมไม่อาจซึมซับถึงแก่นแท้ของมัน คุจเดียวกับหุ่นหญ้าฟางที่สวมใส่ชุดเกราะแม้นจะดูน่ายำเกรงแต่สู้รบมิได้ (เล่มที่ 1 หน้าที 47)

จากคำคมนั้นน่าจะบอกอะไรหลาย ๆ อย่างในการทำงาน ครั้งเพิ่งเรียนจบในสายงานวิชาชีพต่าง ๆ ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันนั้นโลกเปลี่ยนไปมาก ผู้ที่จบออกมานั้นได้รับความคาดหวังจากสังคม และรวมไปถึงผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะทำงานกินเงินเดือน หรือรับงานส่วนตัว ที่เป็นายของตนเองก็ตามที่ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องมีคำว่าลูกค้า และผู้ว่าจ้าง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการทำงานกินเงินเดือนที่เจ้านายที่เราจ่ายเงินเดือนคือผู้ว่าจ้างหรือลูกค้า และเราคือคนทำงานให้เค้า เพียงแต่ต่างกันในด้านความมั่นคงที่มากกว่าหน่อย เท่านั้นเอง

ซึ่งความคาดหวังที่ว่าผู้สำเร็จการศึกษาออกมาในระดับต่าง ๆ น่าจะมีความรู้ในด้านนั้น ๆ มากพอ ซึ่งในที่นี้ผมหมายถึงระดับ ป.ตี และระดับสายวิชาชีพต่าง ๆ ด้วย ที่น่าจะมีพื้นฐานความรู้พอที่จะประกอบอาชีพได้บ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างน้อย ๆ ก่อนจบออกมาก็น่าจะได้ผ่านการฝึกงานและการทำรายงานเพื่อจบซึ่งมีเนื้อหาในการใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมากจริง ๆ เพื่อสร้างสิ่งใด ๆ ก็ตามออกมา ด้วยตัวของตนเอง

แต่ว่าในปัจจุบันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น หลาย ๆ คนที่ผมพบเจอมามีความมุมานะต่ำลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งหลาย ๆ คนความรู้ในด้านทฤษฎีนั้นดีเยี่ยม แต่เมื่อนำมาปฎิบัติจริง ๆ แล้วกลับทำไม่ได้ ซึ่งน่าเสียดายความรู้เหล่านั้นที่ไม่สามารถนำมาใช้งานให้เกิดผลได้ ซึ่งผมมองว่าขาดการขัดเกลาและฝึกฝนมากพอระหว่างเรียน หรือยามว่าง ปัญหาพวกนี้นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วยเหตุผลด้านสิ่งเร้าที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ๆ ด้วยเช่นกัน

การที่ไม่ได้ทดลองทำ ได้แต่สักว่า copy/paste นั้นทำให้การนำไปประยุกต์ใช้ หรือการแก้ปัญหาต่าง ๆ เนื้องจากติดปัญหาระหว่างการทำงานต่าง ๆ นั้นยังผลไปให้เกิดปัญหาเรื่องคิดไม่เป็นตามมา การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ง่ายขึ้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับว่า จิตสำนึกในการนำความรู้เอาไปใช้งานนั้นต่ำลง ด้วยความที่คอมพิวเตอร์เมื่อต่อ internet แล้วนั้นสัพความรู้ต่าง ๆ พลั่งพลูกันเข้ามาสู่เครื่องผู้ใช้งาน การ copy/paste ทำได้ง่าย และในทางกลับกัน ถ้าเป็นห้องสมุด ผู้ที่จะทำรายงานต้องดั้นด้นไปที่ห้องสมุดและไล่ค้นหาที่ละเล่ม และต้องสรุปย่อเนื้อหาที่จำเป็นลงมาแทน ซึ่งการคัดลอกมาทั้งหมดแบบใน computer นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากในบางเรื่องที่มีเนื้อหายาว ๆ ซึ่งถ้าใช้การสรุป หรือย่อความ จะทำให้ใช้เวลาในการเขียนน้อยกว่า แต่ใช้เวลาอ่านและทำความเข้าใจเยอะกว่า เมื่อได้อ่าน มือได้เขียน สมองได้คิดสรุปเนื้อหา ความเข้าในที่ได้จากเนื้อหาเหล่านั้นก็มีมากขึ้น ผิดกับการใช้ computer ที่ลาก และ copy ก็ได้เนื้อหาทั้งหมดมาแล้วโดนไม่ได้สรุป หรือทำความเข้าใจเรื่องเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน ยังผลถึงตอนสอบ และอภิปรายหน้าชั้นเรียนในกรณีที่เนื้อหานั้น ๆ ถูกนำไปใช้ในการนั้นด้วย ซึ่งยังผลต่อไปในเรื่องของการสื่อสารกับผู้อื่น

ซึ่งเมื่อผู้อภิปรายไม่เข้าใจเนื้อหาเหล่านั้นเป็นอย่างดี ผู้ฟังก็ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด ต่อไปเป็นทอด ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ ถ้าคนอภิปรายเป็นคนที่มีอธิพลต่อสังคมมาก ๆ

ปัญหาสำคัญไม่ใช่สิ่งที่เราไม่รู้ แต่เป็นสิ่งที่เรารู้ แต่รู้ไม่จริง
An Inconvenient Truth

สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนใช้งานเครืองมือที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์แล้วหล่ะครับว่าจะทำยังไง ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ในอนาคต

ปล. อันนี้เป็นเนื้อหาที่ด้นสด ๆ อาจจะวน ๆ งง ๆ หน่อยนะครับ ;)

Exit mobile version