ทำไมผมถึงเขียน WeBlog (Blog)

นี่เป็นคำถามที่เวลาผมส่งลิงส์ Blog ผมไปไม่ว่าจะใน IM หรือทางอีเมล ต่าง ๆ มักจะถามว่า “เขียนไปทำไม”

ในตอนแรกเริ่มเดิมที เห็นพี่ ๆ ที่ทำงานด้าน programming หรือตามเว็บต่าง ๆ เค้ามี blog กัน เลยคิดในใจว่า “เฮ้ย มันดียังไง เค้าเขียนกันไปเพื่ออะไร” พออ่าน ๆ ไปเริ่มคิดได้ ความคิดเริ่มตกผลึก ปัญญาเริ่มก่อเกิด ทำให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า สาเหตุหลักที่ชาวต่างประเทศในหลาย ๆ ประเทศที่เจริญ ๆ แล้วทำไมเค้าถึงเก่งนัก ทำไม เก่งกันในทางที่เกาะกลุ่มกันได้ หรือไปในแนวทางเดียวกัน รวมถึงความรู้มันถึงได้กระจายออกไปได้ดี ผมก็ตั้ง สมมติฐานในว่า คงเป็นเพราะมีส่วนที่ไว้แลกเปลี่ยนความรู้ หรือเผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ กับผู้อื่น บางคนก็ว่า Diary หรือ Webpage แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งนั้นก็เป็นประเด็นที่น่าคิด และมีมากมายในเว็บของต่างชาติซึ่งมีเยอะมาก และมากกว่าไทยมากมายนัก แต่ Weblog หรือ Blog นั้นต่างออกไป

อย่างแรกคือ ความเป็นปัจเจกบุคคล หรือความเป็นส่วนตัว
อย่างที่สอง การสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Blog หรือการโต้ตอบในแนว Webboard หรือ Community Web ที่เป็นไปในแนวทางเสนอหรือต่อยอดความคิดเห็นต่าง ๆ
ประการสุดท้าย ความง่ายในการใช้งาน ของตัวระบบ Blog เองที่สามารถปรับแต่ง แก้ไข ได้ไม่ว่าจะเชี่ยวชาญหรือไม่ก็ตามที ไม่ต้องมี Host ไม่ต้องหาพื้นที่ทำเว็บต่าง ๆ และมันทำได้ง่ายๆ ทำให้มันเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปในตัว คุณมีหน้าที่เพียงเอาความคิดใส่ลงไปในรูปแบบ Blog ที่สื่อถึงรูปแบบชีวิต และแนวคิดของคุณเอง (LifeStyle) ทำให้มันเชื่อมโยงกับข้อแรกที่ว่า มีความเป็นปัจเจกบุคคล มาก เข้ามาแล้วรู้เลยว่า Blog ของใคร อารมณ์แบบไหน

ข้อดีของ Blog นั้น คือทำให้เกิดสังคมในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันมากขึ้น เกิดความรู้ใหม่ ๆ ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจของตนเอง สู่สังคมโลก รวมถึงสื่อด้วยภาษาที่เป็นกันเอง หรือเรียบง่าย เข้าใจกันในหมู่หรือกลุ่มคนเหล่านั้น แต่บางคนก็สื่อด้วยภาษาที่รุนแรง แต่ก็อย่างที่บอก มันเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องออกไป เพราะถือว่า Blog เป็นสิ่งที่สื่อถึงตัวตนของคน คนนั้นได้เป็นอย่างดี

ซึ่งทำให้ผมเริ่มเขียนมันมาเรื่อย ๆ อะไรที่เขียนแล้วคนอื่นอ่านแล้วได้ประโยชน์ก็จะเขียนไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมไม่เอาไปลงเว็บหล่ะ” คือผมคิดว่าสิ่งที่จะเอาไปลงเว็บของผมได้ มันต้องได้รับการกลั่นกรองมาอย่างดีพอสมควร และเป็นสิ่งที่ไม่ควรใส่อารมณ์ความรู้สึกของผมลงไปมากเกินไปนัก ไม่อย่างงั้นมันจะดูเป็นเหมือนเอาเรื่องส่วนตัวใส่ลงไปในเนื้อหาวิชาการ จนมันดูไม่เหมาะสม ทำให้ผมเขียน Blog แทนเพราะบางครั้ง มันเอาลงเว็บหลัก ไม่ได้ แต่อยากระบาย หรือเรารู้เรื่องบางอย่างเราก็อยากถ่ายทอดออกไป หรือมันเบื่อ ๆ อยากบ่นลง Blog ก็เอาเลย เต็มที่ 5555 และบางครั้งเป็นความรู้ที่ได้จากเว็บอื่น ๆ เราคัดลอกมาก็ไม่อยากมีปัญหาในเรื่องละเมิดต่าง ๆ ไปลงเว็บหลักเรา ใส่ Blog ไปแทนเพราะอย่างน้อย ๆ คนอ่านก็กลุ่มเล็ก ๆ และเปลี่ยนความรู้ข่าวสารต่าง ๆ สบาย ๆ ไม่มีวิชาการให้ปวดหัวนัก ภาษาง่าย ๆ อ่านสบายหัว (มั้งนะ -_-”)

อีกอย่างคือ “เขียนแล้วได้อะไร” ผมก็คงตอบไปคล้ายในย่อหน้าที่แล้ว แต่เสริมหน่อยว่า ความรู้อยู่ในหัว ในตัวเอา บางครั้งก็ไม่อยากให้มันหายไปกับความไม่แน่นอนของเวลา และความทรงจำของเราเอง เลยเขียนไว้เหมือนบรรทึกย่อ ๆ ในสิ่งที่เรารู้ เผื่อมันจะมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ เค้าบ้างดีกว่าเก็บไว้คนเดียว หรือถ่ายทอดแค่ไม่กี่คน เดี่ยวมันจะกลายเป็นคัมภัร์ที่สาบสูญ 555555555 (หนังจีนกำลังภายใน ย้ากกกกกกกกกก)