มันควรถึงเวลา “หยุด” ได้แล้ว

เคสเรื่องตรวจทรงผม การกล้อนผม ตรวจเครื่องแต่งกาย บังคับโน้นนั้นนี่ และลุแก่อำนาจที่กระทำต่อผู้เรียน ในแวดวงการศึกษาไทยเนี่ย ผมแม่มไม่สนับสนุนเลยสักนิด

คือผู้สอนเหล่านั้นใช้อำนาจภายในศีลธรรมอันดี(ที่เลวทราม) มากระทำต่อร่างกายคนอื่นจนเป็นเรื่องปรกติมาอย่างยาวนาน สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นกันดูเป็นเหมือนปรกติ

รุ่นผม รุ่นที่โดนกระทำ มันควรรู้ว่าการกระทำเหล่านี้ไม่ควรสืบทอดต่อไป แต่ผมก็ยังเห็นรุ่นผมและรุ่นน้องผม ยังคงกระทำการสิ่งเหล่านี้ โดยได้หลงลืมภาพความเจ็บปวด ที่เราไม่ควรสืบถอดภายในศีลธรรมอันดี(ที่เลวทราม)เหล่านี้ต่อไปยังรุ่นลูก รุ่นหลานของเราในอดีตไปอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ก็แน่หล่ะ …… ในสังคมที่ไม่เคยให้สิทธิในการคิดได้เอง และหากมีคนคิดได้เอง และตั้งคำถาม ต่อศีลธรรมอันดีงามเหล่านั้น จะถูกทำโทษภายในศีลธรรมอันดี(ที่เลวทราม) ขจัดออกจากสังคมจากผู้ที่เต็มไปด้วยจริยธรรมอันโหดร้ายเลวทรามบนความปรารถนาดี

แล้วยิ่งน่าขนลุกหนักเข้าไปอีก เมื่อเหล่าผู้อ้างศีลธรรมอันดี(ที่เลวทราม) ใช้คาถาแสกความน่าสงสารเข้าไป แล้วจับแยกคนเหล่านั้นออกไปจากสังคมคนส่วนใหญ่ เพื่อลงโทษให้ต่ำตมหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก ก็ยิ่งรู้สึกถึงความโหดร้ายของการกระทำเหล่านี้มากขึ้น

แต่ผมยังเชื่อว่า มันควรถึงเวลา “หยุด” ได้แล้ว

คืนความเป็นคนให้กับลูก-หลานกันเสียที โรงเรียนที่แลดูเหมือนคุก มันไม่ได้ขังร่างกาย แต่มันขังจิตใจ กักขังความคิด กักขังจิตวิญญาณความเป็นคนไว้รอวันปลดปล่อย (ในวันที่อาจจะสายไป)