สรุป Microsoft Cloud Day

ช่วงเช้านิดหน่อยๆ พอจำได้ ช่วงบ่ายเป็นแยกเข้าพวกเทคนิค ไม่ได้โน๊ตไว้ ค่อนข้างเยอะ ><” (ข้ออ้างในการไม่เขียนรอบบ่าย)

การใช้งาน Cloud computing นับตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2016 จะเพิ่มขึ้น 5 เท่า คนจะมีการใช้ devices ประมาณ 3.3 เครื่องต่อคนในปี 2014 (pc, phone และ tablet) โดย Services ของ Microsoft ในตอนนี้ ทำงานบน Cloud อยู่มากมาย รองรับคนมหาศาล

เทรนในอนาคตเราจะออกแบบ App ให้ทำงานร่วมกับ Cloud มากขึ้น เพราะการมองแค่ทำงานเพียงเครื่องๆ เดียว จะไม่เพียงต่อการทำงานร่วมกับ ข้อมูลจำนวนมาก การพัฒนา App ที่รองรับข้อมูลมากๆ จะมองภาพรวมเป็น data center ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านจาก Standalone OS ไปสู่ Cloud OS นั้นเอง

– 93% บริษัทใน fortune 1000 ใช้ Active Directory
– บริษัททั่วโลกกว่า 46% ใช้ฐานข้อมูล SQL Server
– ซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ทำ BI มากที่สุดในโลกคือ Microsoft Excel
– Big Data ไม่ได้เกี่ยวกับขนาดของข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับว่าชนิดของข้อมูลที่ใช้ประมวลผล
– ในช่วงปีนี้เป็นต้นไปเราจะเห็นคำว่า Cloud OS มากขึ้น ซึ่งเป็น Microsoft’s Cloud OS Vision และบอกว่ามันจะมาเร็วกว่าที่พวกเราคิด ปีหน้าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
– ระบบที่ออกแบบในช่วงปีหน้าจะมีความชัดเจนในการเลือกใช้ระหว่าง On-promise, public cloud และ hybrid cloud มากขึ้น และ IT จะใช้มันอย่างคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่จ่ายลงไป
– ภายในปี 2016 25% ของ external app ที่ผลิตออกมา มีแนวโน้มเป็นแอพที่เกี่ยวกับ mobility, cloud, analytics & social
– ภายในปี 2017 90% ขององค์กรขนาดใหญ่จะมี 2-3 mobile operating system ไว้รองรับการทำงาน
– ภายในปี 2020 นี้ 45% ของค่าใช้จ่ายด้านไอทีทั้งหมดจะเป็นการลงทุนในระบบ Cloud
– ภายในปี 2020 80% ของ บริษัทชั้นนำ 2,000 รายทั่วโลกจะใช้งานไอทีแบบ onsite ในสัดส่วน 50%