บ่นๆๆ กับการเขียน blog รีวิวสินค้าของตัวเอง และถ้าออกข่าวว่าจะขายของ ก็ควรมีของขายให้เร็วที่สุด!

ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา ไปงาน blogger หลายๆ ยี่ห้อ ได้ของมารีวิวก็เยอะ เขียนขึ้นบ้าง ไม่ได้เขียนบ้าง ซึ่งบางตัวไม่เขียนนี่ก็เยอะนะ

คือบางครั้งเราก็ไม่รู้จะเขียนอะไร ด้วยเหตุผลว่า มันไม่มีอะไรใหม่จากตัวเก่าเท่าไหร่ หรือไม่รู้จะเล่าอะไรให้ต่างจากคนอื่นๆ ที่เค้าได้ไปก่อนหน้านี้แล้วก็เขียนไปหมดแล้ว คือจะบอกว่าลงๆๆ แล้วบอกไปอ่านต่อที่โน้นที่นี่ ผมเห็นตรงกับคนนั้น แม่มก็ดูจะยืมมือคนอื่นมากไป สรุปก็ไม่ได้เขียน ><”

เอะ! เดี่ยวนะ เขียนแบบนี้เค้าก็ไม่เชิญไปหรอก เออ นั้นดิ ก็ไม่รู้ดิคือจะให้เรามานั่งปั้นเรื่องให้ดูสวยงามมันก็ใช่ที่ เค้าอ่านรีวิวเราเพราะเราเขียนในแนวของเรา บางอันดองกับข้ามเดือนเยอะแยะไป คือบางครั้งเราก็เขียนมันออกไปผิดเยอะ แล้วก็ต้องกลับมาแก้ก็มี บางครั้งเขียนแล้วจาก draft แล้วก็มาโละทิ้งใหม่ก็มี เพราะมันลำดับความห่วยแตกก็มาก คือรีวิวบางอันเขียน 3-4 รอบแล้วไม่เอา ติสแตก ลบๆๆ เขียนใหม่ก็หลายตัว บางตัวที่ไม่ได้ลงเพราะหมดแรง เขียนใหม่รอบที่ 3-4-5 ก็เยอะนะ ฮาๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้เวลาเขียนรีวิวจบแล้วคือ “สินค้าที่รีวิวขายเมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่” อืมมมม นี่แหละที่ผมเจอ เจอประจำ เจอตลอด บางคนอ่านแล้ว “อยากได้ ซื้อที่ไหน ราคาแพงไหม อยากลองเล่นมีที่ไหนให้เลน” ก็เยอะ บางตัวผมเขียนรีวิวช้ามากๆ กว่าจะขึ้นเป็นหลักเดือน แต่ของเพิ่งได้ขายก็มี (บาวตัวขายจนหมดช่วงชีวิตสินค้านั้นๆ ยังหาซื้อยากหรือไม่ได้เลยก็มี) ลองคิดดูว่าถ้าเขียนเร็ว แล้วลูกค้าเห็นแล้วกิเลสมาอยากได้ แต่มันไม่มีของ แต่อีกยี่ห้อก็มาไล่ๆ กัน อ่านรีวิวแล้วของมีเลย อันไหนมันเพิ่มโอกาสการขายมากกว่ากัน

ส่วนตัวเชื่อว่า ความอยากของคนในปัจจุบันมันฉายฉวยขึ้นเยอะ เพราะฉะนั้นใช้โอกาสตรงนี้ทำให้ยอดขายมันเพิ่มขึ้นจากความไวของการขายสินค้าจะทำให้ได้เปรียบมากกว่ามานั่งทำให้คนซื้ออยากจนเบื่อแบบบรอกันไร้จุดหมาย จนความอยากหมด มันเหมือนคนหิวจนเลิกหิวอะไรแบบนั้น

สิ่งที่คนทำตลาดและขายสินค้าในปีนี้ต้องทำการบ้านคือ ข่าวสินค้าเปิดตัวออกมาแล้ว ก็ควรจะมีของขายในเกือบจะทันที หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ควรจะบอกไปเลยว่าขายวันไหนเมื่อไหร่ ช่องทางขายมีที่ไหนบ้างอย่างชัดเจน ปักมันเลย แล้วทำให้ได้ตามนั้น ส่วนราคาอาจจะคาดการณ์ช่วงแทนบอกราคาแบบตรงตัว ถ้าคิดว่ามันทำให้คู่แข่งปรับตัวเลขราคาสู้ ไม่งั้นเงินในกระเป๋าคนซื้อมันจะไปซื้อยี่ห้ออื่นที่แน่นอนในด้านเวลาและการโฆษณาที่มากกว่าแทน และถ้าเลื่อนขายก็บอกไปเลยว่าเลื่อนขายไปเมื่อไหร่ แต่ไม่ควรเลื่อนบ่อยๆ ไม่งั้นจะโดดด่าแทน คือต้องพูดกันตรงๆ ไปว่าคุณไม่ใช่ยี่ห้อผลไม้ที่ใครจะมานั่งรอ (ถึงแม้หลายๆ คนเลิกเป็นสาวกค่ายนี้ไปแล้ว) คือคุณไม่ได้เป็นยี่ห้อที่คนมานั่งรอกันครึ่งปีหรือเป็นปีเพื่อสินค้าตัวใหม่ที่จะออก เพราะฉะนั้นก็ควรทำให้มันได้เปรียบในด้านอื่นๆ แทนมากกว่านะ